การลดความร้อนของฟิล์มกรองแสงในปัจจุบัน

14

ความเข้าใจผิดที่แก้ไขยากสำหรับวงการฟิล์ม สืบเนื่องจากในยุคแรกๆ ฟิล์มมีไม่กี่ชนิดและมีไม่กี่ระดับความเข้มโดยมาตรฐานตอนนั้นจะมีเบอร์ที่เป็นมาตรฐานสากลคือ เบอร์ 5, 20, 50 ซึ่งตามมาตรฐานแล้วเบอร์ฟิล์มจะบ่งบอกถึงประมาณการณ์ของค่าแสงส่องผ่าน เช่น ฟิล์มรหัส xx 05 จะหมายถึงฟิล์มเบอร์นี้แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 5% คือฟิล์มมีความเข้ม 95% บ้านเราเห็นมันเข้มหรือทึบสุดเลยเรียกว่าฟิล์ม 80%, ฟิล์มเบอร์ xx 20 หมายถึงฟิล์มเบอร์นี้ แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 20% หรือฟิล์มเข้ม 80% บ้านเราเรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 60%, ฟิล์มเบอร์ xx 50 หมายถึงฟิล์มเบอร์นี้ แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 50% หรือฟิล์มเข้ม 50% บ้านเราเรียกฟิล์ม 40% นี่แหละครับความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น

การลดความร้อนของฟิล์มเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งถกเถียงกันไม่จบบ้างก็อยากให้วัดกับหลอดไฟซึ่งผู้บริโภคคงสับสนกันอยู่พอสมควรว่าจะทดสอบและตัดสินใจเลือกกันอย่างไรให้ถูกต้องกันแน่เราจะดูตารางเปรียบเทียบไอความร้อนที่เราได้รับดูกันก่อน ระหว่างแหล่งกำเนิดที่ต่างกัน คือ ระหว่างดวงอาทิตย์กับหลอดไฟ ดังนั้นการพิจารณาในการเลือกฟิล์มกรองแสงจากคุณสมบัติในการลดความร้อนนั้น สามารถใช้หลอดไฟในการเปรียบเทียบได้ คือให้รู้ว่าฟิล์มตัวไหนสามารถลดรังสีอินฟราเรดได้ดีกว่ากัน(ควรจะเทียบใน ระดับฟิล์มที่มีความเข้มระดับเดียวกันหรือใกล้เคียง) ก็จะได้รู้ว่าฟิล์มตัวไหนสามารถลดความร้อนได้ดีกว่า ย้ำนะครับว่าให้เทียบในระดับความเข้มเดียวกัน แต่ก็อย่าคาดหวังว่าจะลดความร้อนได้ดีอย่างที่เรารู้สึก เพราะดวงอาทิตย์มีส่วนประกอบของความร้อนอย่างอื่นประกอบด้วย ถ้าจะเอาค่าการลดความร้อนรวม ดังนั้นการเลือกฟิล์มก็ควรที่จะดูเรื่องโครงสร้างสินค้า-ราคาและการลดความ ร้อนรวมจากแสงแดดเป็นตัวประกอบด้วย จะได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

ฟิล์มอินฟราเรดเป็นฟิล์มชนิดที่เคลือบสารพิเศษในการไปตัดรังสีอินฟราเรดได้ดี ซึ่งรังสีอินฟราเรดเป็นส่วนประกอบหนึ่งของความร้อน (ดูการลดความร้อนของฟิล์มในช่วงต่อไป) แต่จากการโฆษณาทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อว่าสามารถลดความร้อนได้ดี โดยใช้ตัวเลขในการลดรังสีอินฟราเรดเป็นตัวโฆษณาและมีราคาที่สูงมาก ทำให้ตลาดไม่ค่อยตอบรับเท่าที่ควร แต่ในปัจจุบันมีสินค้าประเภทนี้ที่มีราคาถูกลงให้ได้เลือกกันมากขึ้น

การจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย

การจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย
การใช้พลังงานในอาคารและในรถยนต์นั้น จะมีสัดส่วนการใช้พลังงานของระบบต่างๆ แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของอาคารและเครื่องยนต์รถ โดยส่วนใหญ่ ค่าใช้จ่ายพลังงานจะถูกใช้ไปกับระบบปรับอากาศหรือการขับเคลื่อนความร้อนจากแสงอาทิตย์มีอิทธิพลต่อภาระทำความเย็นเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยหลักของการถ่ายเทพลังงานความร้อนจากภายนอกเข้าสู้ภายในนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้

  1. การนำความร้อนและการแผ่รังสี ผ่านผนังทึบ
  2. การแผ่รังสีความร้อน ผ่านผนังกระจก
  3. การนำความร้อน ผ่านผนังกระจก เนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิภายใน และภายนอก
  4. การพาความร้อน เนื่องจากการรั่วซึมของภายนอกเข้าไปภายใน

การจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย โดยเข้าใจว่าฟิล์มกรองแสงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้นจะมีไม่กี่เบอร์ คือ ประมาณ 3-4 เบอร์ เช่น เบอร์ 05 , 20 , 35 , 50 ซึ่งเบอร์นั้น ๆ ตามมาตรฐานสากล จะบ่งบอกถึงค่าที่แสงสามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงได้ เช่น

  1. เบอร์ 05 แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 5 % ฟิล์มจะเข้ม 95 %
  2. เบอร์ 20 แสงสามารถส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % เป็นต้น
  3. ซึ่งในยุคแรกๆ ทั้งผู้บริโภค และร้านค้ายังไม่ทราบรายละเอียดดังกล่าวจึงใช้การประมาณความเข้มของฟิล์มแทน เช่น
  • เบอร์ 05 แสงผ่านได้ 5 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 95 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 80 %
  • เบอร์ 20 แสงส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 60 %
  • เบอร์ 50 แสงส่องผ่านได้ 50 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 50 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่า 40 %

การเลือกชนิดของฟิล์มกรองแสงมีหลากหลายชนิด ขึ้นกับตลาดและความต้องการของผู้ใช้ ราคามีแตกต่างกันมาก ขึ้นกับคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ แต่ความสามารถพื้นฐานที่ต้องการกันทั่วไปในคุณภาพของฟิล์มที่มีคุณภาพดีอาจไม่แตกต่างกัน พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากจะมีรังสีต่างๆแล้ว ยังให้แสงสว่าง และมีความร้อนด้วยดังนั้นฟิล์มกรองแสงที่ดีต้องสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี แสง และความร้อน คือ ค่าการลดความร้อนจากแสงแดดนั้นเอง

การคิดค้นฟิล์มกรองแสงสำหรับที่อยู่อาศัยคุณภาพเยี่ยม

IMG (1)ปัญหาความร้อนภายในบ้านและอาคารเหล่านี้จะหมดไปเมื่อท่านติดฟิล์มกรองแสงพร้อมทั้งคุณสมบัติกันความร้อน กรองแสง ซึ่งจะทำให้อาคารและบ้านของคุณอุณหภูมิที่ลงลด ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้า กันความร้อนจากแสงแดด ลดอุณหภูมิภายในห้อง โดยการลดแสงแดดที่ส่องเข้ามา กรองแสงรังสี UV ช่วยอากาศภายในเย็นขึ้นเวลาที่เปิดเครื่องปรับอากาศช่วยให้เย็นเร็วยิ่งขึ้น เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนัก อีกทั้งเป็นการประหยัดการใช้ไฟฟ้า ทำให้ค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าลดลง ปัจจุบันมีฟิล์มหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามท้องตลาด ทั้งฟิล์มที่ให้ความเป็นส่วนตัวของคุณหรือฟิล์มที่ให้บรรยายกาศวิวภายนอกโดยที่ได้รับประโยชน์และคุณสมบัติตามมาตรฐานฟิล์มขั้นสูงสุด ที่สำคัญยังทำให้อาคาร บ้าน คอนโด ดูสวยงาม หรูหรา

เพราะความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ส่งผ่านเข้ามาในบ้านนั้นมีที่มาจากสองแหล่ง คือความร้อนที่มาพร้อมกับแสงสว่างที่มองเห็นได้ และความร้อนจากแสงอินฟราเรดที่ทำให้คุณรู้สึกร้อน มีส่วนช่วยในการป้องกันผู้อยู่อาศัยในบ้านที่ติดตั้งฟิล์มกรองแสง จากการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำพาความร้อนเข้ามาสู่บ้านหากสะสมเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดความร้อนสะสมในบางบริเวณและอาจส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ซีดจางลง ดังนั้นการติดตั้งฟิล์มกรองแสงจะช่วยลดความร้อน ลดปัญหาการซีดจางของเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งยังปกป้องผู้อยู่อาศัยให้ปลอดภัยจากรังสียูวีโดยยังคงมีแสงสว่างธรรมชาติควบคู่ไปกับบรรยากาศที่สบาย

ฟิล์มกรองแสงคุณภาพเยี่ยมที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถเลือกกรองรังสีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในบรรดาฟิล์มชนิดเดียวกัน ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีทำให้นักวิทยาศาสตร์ที่คิดประดิษฐ์ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณลักษณะพิเศษ คือปล่อยให้แสงผ่านเข้ามาได้ดี และป้องกันรังสีอินฟราเรด ในการเคลือบฟิล์มเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดที่หลากหลาย สามารถป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มที่ ให้ความเป็นส่วนตัวสูง โดยโปร่งใสพอที่แสงจะผ่านได้มาก ขณะที่ตัดแสงสะท้อนได้มากที่สุด เป็นวัสดุก่อสร้างอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนและส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนจริง เป็นเทคโนโลยีฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารที่มีประสิทธิภาพสูง และมีคุณสมบัติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

คำแนะนำในการเลือกฟิล์มกรองแสงให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

โดยจะพิจารณาจาก
1.คุณภาพ
ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพดีนั้น คุณสมบัติต่างๆ ของฟิล์มเช่น % การลดความร้อน,% การลดรังสี UV, % การสะท้อนแสงและ % แสงส่องผ่าน ต้องเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงานผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ และควรเป็นไปตามมาตรฐานของ AIMCAL (ASSOCIATION OF INDUSTRIAL METALLIZERS COATERS AND LAMINATORS), ASTM (AMERICAN SOCIETY FOR TESTING AND MATERIALS) และ ASHRAE มิใช่ค่าที่พิมพ์หรือโฆษณาโดยปราศจากหลักฐานอ้างอิง
2.มาตรฐานโรงงานผู้ผลิต
ต้องพิจารณาว่าเป็นฟิล์มกรองแสงที่มีแหล่งที่มาชัดเจน นำเข้ามาจากโรงงานที่ผ่านมาตรฐานที่สากล
ยอมรับ และมีที่ตั้งชัดเจน โดยปัจจุบันมีฟิล์มกรองแสงที่ผลิตจากโรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001 ซึ่งเป็นระบบควบคุมคุณภาพที่กำกับดูแลทั้งการออกแบบและการพัฒนา, การผลิต, การติดตั้งและการบริการ โดยโรงงานผู้ผลิตจะมอบสำเนาใบประกาศนียบัตร ที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 9001 ให้บริษัทตัวแทนในประเทศไทยที่นำเข้าและจัดจำหน่ายด้วย ผู้บริโภคสามารถเรียกตรวจสอบได้
3.ผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย
ต้องเป็นบริษัทที่มีความตั้งใจ จริงใจ และประสบการณ์ในการทำธุรกิจฟิล์มกรองแสงอย่างต่อเนื่อง
ยาวนาน เชื่อถือได้ และไม่มีการโฆษณาหลอกหลวง หรือเปลี่ยนยี่ห้อไปเรี่อยๆ มีมาตรฐานการรับประกันคุณภาพที่เชื่อถือได้ โดยทั่วไปการรับประกันคุณภาพจะไม่ต่ำกว่า 7 ปี และสิ้นสุดเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถ ดังนั้นผู้บริโภคจึงต้องเลือกบริษัทตัวแทนจำหน่ายที่ท่านมั่นใจว่าตลอดระยะเวลารับประกัน บริษัทฯจะยังคงดำเนินธุรกิจฟิล์มกรองแสงอยู่และพร้อมที่จะรับผิดชอบหากฟิล์มที่ติดตั้งไปเกิดปัญหาใดๆ ขึ้น ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ควรเป็นผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการจากโรงงานผู้ผลิตให้เป็นตัวแทนในประเทศไทย โดยตรวจสอบได้จากหนังสือแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายฯ
4.ราคา
ราคาต้องสมเหตุสมผล เหมาะสมกับคุณภาพในระดับที่ยอมรับได้ โดยฟิล์มเคลือบโลหะทั้งชนิด Sputtered และ Thermal จะมีราคาสูงกว่าฟิล์มเคลือบสีประมาณ 1-2 เท่าตัว
5.โฆษณา
ผู้บริโภคควรพิจารณาโฆษณาของฟิล์มกรองแสงต่างๆ ให้ดีก่อนเลือกติดตั้งต้องเป็นโฆษณาที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่มีการโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง % การลดความร้อนและคุณสมบัติต่างๆ ของฟิล์มกรองแสง ซึ่ง % การลดความร้อนที่ถูกต้องนั้นต้องเป็น % การลดความร้อนจากแสงแดดนอกจากนี้ยังควรพิจารณาถึงวิธีการทดสอบคุณภาพของฟิล์มกรองแสงด้วยว่าเชื่อถือได้หรือไม่ เช่น ไม่ควรทดสอบฟิล์มด้วยแสงสปอตไลท์หรือหลอดรังสีอินฟาเรด ไม่ว่าจะโดยการให้ผู้บริโภคใช้มืออัง หรือยืนท่ามกลางแสงไฟ ทั้งนี้เพราะเวลาที่ขับรถจริงๆ นั้น เราขับรถภายใต้แสงแดด มิใช่แสงสปอตไลท์หรืออินฟราเรดแต่เพียงชนิดเดียว ซึ่งแหล่งกำเนิดแสงทั้งสามชนิดนี้แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง และบางครั้งยังมีกรณีที่ว่าฟิล์มที่นำมาติดตั้งนั้นเป็นคนละชนิดกัน หรือใช้ฟิล์มติดตั้งซ้อนทับกันสองชั้นในการทดสอบ จุดนี้ผู้บริโภคต้องพึงระมัดระวังและพิจารณาให้รอบคอบ

การติดฟิล์มประหยัดพลังงานยังสามารถป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตได้

การติดฟิล์มประหยัดพลังงานสำหรับอาคารนั้นไม่เพียงแค่ช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังสามารถป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตหรือรังสียูวีได้กว่า 99% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก ชะลอการซีดจางของอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในอาคาร ที่พักอาศัย สร้างความสวยงามภายนอกและไม่บดบังทัศนวิสัยในการมองจากภายใน สร้างความเป็นส่วนตัว ลดแสงจ้าจากภายนอก ทำให้รู้สึกสบายสายตา รักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการเกิดภาวะเรือนกระจก พร้อมกับเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ขณะเดียวกันด้วยความหลากหลายของสินค้าที่เหมาะกับอาคารบ้านเรือนก็มีให้เลือกทั้งแบบติดกับกระจกทั่วไปที่มีทั้งฟิล์มนิรภัย ฟิล์มตกแต่งลวดลาย ฟิล์มติดฉากกั้น ฟิล์มใสป้องกันรอยสำหรับเฟอร์นิเจอร์ ม่านประหยัดพลังงาน ซึ่งมีข้อดีคือ ในยามค่ำคืนสามารถดึงม่านประหยัดพลังงานขึ้น ทำให้มองเห็นบริเวณนอกอาคารชัดเจน ขณะที่เวลากลางวันเมื่อดึงม่านลงมาจะช่วยลดแสงและกันความร้อนเข้าสู่อาคารทำให้อากาศเย็นสบาย สามารถประหยัดพลังงาน ลดปัญหาฝุ่นละออง ซึ่งเป็นสาเหตุสะสมของแหล่งเชื้อโรค อีกทั้งยังรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม่ให้ซีดจางด้วย

ส่วนตลาดรถยนต์ก็มีฟิล์มประหยัดพลังงานรุ่น นาโนเซรามิก ฟิล์มประหยัดพลังงานที่กันความร้อนสูง กันสะท้อน ไม่รบกวนสัญญาณ GPS ฟิล์มกันรอยมือจับประตู (Maxxma Clear Guard) สามารถปกป้องผิวรถยนต์ได้ 100% จากรอยขีดข่วนบริเวณมือจับที่เปิดประตู ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้จากรอยเล็บมือ แหวน กุญแจรถหรือการขูดขีดจากของมีคม ฟิล์มนิรภัย (Maxxma Safety Film) ฟิล์มนิรภัย เพิ่มความปลอดภัยในรถยนต์ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ฟิล์มนิรภัยจะช่วยยึดเกาะเศษกระจกไม่ให้กระจาย

ฟิล์มประหยัดพลังงาน ฟิล์มที่มีดีมากกว่าแค่กันร้อน โดยประโยชน์ของการติดตั้งฟิล์มประหยัดพลังงานนั้น นอกจากจะช่วยป้องกันความร้อนที่เข้ามาภายในรถแล้ว ยังลดอุณหภูมิภายในรถมากกว่า 60% สามารถยืดอายุของชิ้นส่วนภายใน เช่น แผงหน้าปัด, คอนโซน, พวงมาลัย ฯลฯ ซีดจางและแตกร้าวเร็ว คอมเพรสเซอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ มีผลทำให้เครื่องยนต์ทำงาน เบาลง ช่วยประหยัดน้ำมันด้วย ฟิล์มประหยัดพลังงานที่มีความมืดทึบนั้น ยังสามารถช่วยปกป้องทรัพย์สินภายในรถได้ สร้างความเป็นส่วนตัว ไม่ให้คนภายนอกสามารถมองเข้าไปภายในรถได้ ปกป้องอันตรายจากพวกมิจฉาชีพ เป็นสิ่งที่ดีมาก โดยเฉพาะสำหรับสุภาพสตรี

นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ สามารถลดแสงจ้าจากดวงอาทิตย์ ลดแสงไฟในเวลากลางคืนจากรถที่วิ่งสวนทาง สาเหตุที่ทำให้ดวงตาเกิดความเครียด เมื่อยล้า สายตาเสีย ป้องกันผิวหนังและดวงตา เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีขึ้นโดยการติดฟิล์มประหยัดพลังงานนั้น สามารถลดรังสีอัลตร้าไวโอเลตหรือยูวีได้กว่า 99% ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดฝ้า ตกกระ มะเร็งผิวหนังและต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม

ฟิล์มประหยัดพลังงานยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ โดยการป้องกันความร้อนที่เข้ามาในตัวรถและอาคาร ทำให้ระบบปรับความเย็น ทำงานน้อยลงจึงเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงค่าดูแลรักษาระบบปรับความเย็นอีกด้วย

สิ่งที่สำคัญของฟิล์มประหยัดพลังงาน ไม่เพียงต้องการแค่ยอดขาย แต่มีจุดมุ่งหมายทำให้แบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับและมีคุณภาพ พร้อมทั้งมุ่งมั่นในการช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย

การติดตั้งฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารและที่พักอาศัย

จากภาวะโลกร้อน (Global Warming) ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสงสำหรับติดอาคารและที่พักอาศัยเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ฟิล์มลดความร้อนหรือฟล์มกรองแสงสำหรับติดตั้งอาคารจึงถูกพัฒนาให้สามารถลดใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองผู้ประกอบการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาคารสำนักงาน โรงแรม รีสอร์ท สนามกอล์ฟและสปา โรงพยาบาล อพาร์ทเมนท์ คอนโดมิเนียม บ้านพักอาศัย ที่ต้องการประหยัดพลังงาน

ฟิล์มสำหรับติดอาคารและที่พักอาศัยตามคุณลักษณะในการใช้งานแล้ว การติดตั้งฟิล์มสำหรับอาคารและที่พักอาศัย จะแยกเป็น 3 ลักษณะดังนี้

1.การป้องกันภัยจากเศษกระจกโดยใช้ฟิล์มนิรภัย (Safety Films) คือ ฟิล์มในอาคารสูงจะช่วยยึดกระจกไม่ให้หลุดร่วงลงมาทำอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินในอาคารหรือที่พักอาศัย นอกจากนี้การติดฟิล์มนิรภัยยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับ คือ ในฟิล์มนิรภัยบางรุ่นมีการเคลือบสารต่างๆ ที่ช่วยในการลดความร้อนจากแสงแดดด้วย บางรุ่นสามารถติดตั้งแทนเหล็กดัด เพื่อป้องกันการโจรกรรมและเพื่อความสวยงามได้ (ความหนาที่แนะนำตั้งแต่ 8 Mil ขึ้นไป) ที่สำคัญคือสามารถลดรังสีอุลตร้าไวโอเลตหรือรังสียูวีได้กว่า 99% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก พร้อมกันนี้ยังชะลอการซีดจางของอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในอาคาร ที่พักอาศัย และในระดับที่มีความหนาของเนื้อฟิล์มมากๆ จะสามารถใช้ป้องกันภัยจากกระสุนปืนหรือระเบิดรวมถึงการป้องกันการโจรกรรมได้

2.การป้องกันความร้อน ประหยัดพลังงาน (Building Films) คือ การติดฟิล์มเพื่อลดความร้อนจากภายนอก เป็นการประหยัดพลังงานโดยตรง และมีประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับคือ ฟิล์มสามารถลดรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตหรือรังสียูวีได้กว่า 99% เช่นกันกับฟิล์มนิรภัย ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก-ชะลอการซีดจางของอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในอาคาร, ที่พักอาศัย-สร้างความสวยงามภายนอกและไม่บดบังทัศนวิสัยในการมองจากภายใน สร้างความเป็นส่วนตัว-ลดแสงจ้าจากภายนอก ทำให้รู้สึกสบายสายตา

3.การติดฟิล์มเพื่อการตกแต่ง (Decorative Film) ฟิล์มสามารถติดตั้งเป็นลวดลายต่างๆ เพื่อความสวยงามรวมถึงประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น การลดรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต หรือการสร้างความเป็นส่วนตัว

ฟิล์มกรองแสงที่ดีไม่ใช่ฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าได้เพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีความสามารถในการสะท้อนแสงอาทิตย์นั้น

4

เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ร้อยทั้งร้อยเมื่อมีรถใหม่สิ่งแรกที่เจ้าของต้องติดตั้งเพิ่มเติมคือฟิลม์กันความร้อน ทั้งนี้ประโยชน์ของฟิลม์คือนั้นมีมากมายแต่จะให้ประหยัดและคุ้มค่า ควรมีความเข้าใจพื้นฐานและของระบบการทำงานของฟิล์มกรองแสง เพื่อนำไปตัดสินใจได้ว่าจะเลือกอย่างไรจึงสมเหตุสมผล ปัจจุบันนี้ไม่มีกฎหมายควบคุมความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีทั้งผลดีและร้าย แง่ดีเราได้อิสระในการเลือกใช้ แต่ในแง่ร้ายมีคนที่ใช้ประโยชน์จากการความเข้มของฟิลม์ก่ออาชญากรรมโดยรถยนต์ ทั้งนี้พบว่าส่วนใหญ่คนซื้อยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสง โดยเฉพาะเข้าใจว่าฟิล์มที่มีสีเข้มหรือทึบช่วยลดความร้อนได้ดี ในความจริงแล้วสีของฟิล์มไม่ได้เป็นตัวช่วยลดความร้อน แต่กลับเป็นสารเคลือบตัวอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ลดความร้อน

การพิจารณา การเลือกฟิล์มกรองแสง มีข้อสังเกตและควรพิจารณาดังนี้ ฟิล์มกรองแสงที่ดีไม่ใช่ฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าได้เพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีความสามารถในการสะท้อนแสงอาทิตย์นั้นก็หมายความว่าฟิล์มเข้มไม่ได้แปลว่าลดความร้อนได้สูง ซึ่งการเลือกฟิล์มกรองแสงที่ดีควรดูจาก เปอร์เซ็นต์การลดความร้อน, เปอร์เซ็นต์การลดรังสียูวี, เปอร์เซ็นต์การสะท้อนแสง และ เปอร์เซ็นต์แสงส่องผ่าน การรับประกันคุณภาพเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่ในการตัดสินใจ โดยทั่วไปแล้วฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์จะมีการรับประกันคุณภาพไม่ต่ำกว่า 5 ปี บางราย 7 หรือ 10 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการรับประกันด้วย

เรื่องนี้ส่วนสำคัญที่จะให้คุณได้รับฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีและงานที่เรียบร้อยไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง โดยหาร้านจากผู้ที่เคยใช้บริการมาก่อนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดโดยเฉพาะเว็บไซต์ตามคลับรถในรุ่นที่ท่านใช้และเลือกเอาแหล่งที่คุณสะดวก หรือถ้าไม่สามารถหาได้จริง ๆ ของให้พิจารณาตามหลักดังนี้ ร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายและติดตั้งจากฟิล์มยี่ห้อนั้น ๆ โดยตรง มีสถานที่สำหรับติดฟิล์มรถยนต์โดยเฉพาะ เพราะการติดฟิล์มนั้นต้องใช้พื้นที่สะอาดและไม่มีฝุ่น มีประกันจากทางร้านเอง ที่รับผิดชอบแก้ไขในปัญหาทันทีเมื่อเกิดข้อผิดพลาด

ติดฟิล์มกรองแสงในที่พักอาศัยเป็นอีกวิธีหนึ่งในการประหยัดพลังงาน

ฟิล์มกรองแสง มีลักษณะเป็นชั้นใสๆ ซ้อนกัน หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปคือแผ่น โพลีเอสเตอร์นั่นเอง ซึ่งแต่ละแบรนด์จะใช้เทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ราคามีความแตกต่างกัน การทำงานหลักๆของฟิล์มกรองแสง คือ การลดความร้อน และช่วยป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง และก่อให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งฟิล์มที่มีลักษณะเข้มจะกรองแสงได้ดีกว่าฟิล์มที่มีสีอ่อน ทำให้ลดการสะท้อนความร้อนได้มาก

ภายในอาคารที่พักอาศัยหรือสำนักงาน ควรติดฟิล์มกรองแสง เนื่องจากอาคารที่เพิ่งสร้างใหม่หรือพบเห็นได้ทั่วไปส่วนมากเป็นกระจก เพราะกระจกทำให้ตัวอาคารมีน้ำหนักเบา มีความทันสมัย สวยงามทั้งภายในและภายนอก แต่ทำให้เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดย่อมทำให้เกิดความร้อนเข้ามาสู่ภายในอาคาร ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นตามไปด้วย

นอกจากติดฟิล์มกรองแสงแล้วยังมีวิธีที่สามารถลดแสงจากภายนอกอีก เช่น การเลือกกระจก หรืออุปกรณ์ตกแต่ง ยกตัวอย่างเบื้องต้นมีดังนี้

  1. ใช้กระจกใส แล้วใช้ผ่านม่านหรือมู่ลี่ปิดทับเพื่อลดแสงแดด แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้ยังไม่ช่วยลดความร้อนที่กระจายเข้าสู่ตัวอาคารได้
  2. ใช้เป็นกระจกสี หาตู้หรือชั้นวางของมาบดบังไว้เพื่อลดแสงแดด แต่ความร้อนยังเข้ามาในอาคารเท่าเดิม
  3. ใช้กระจกสีเข้ม สามารถลดความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ตามความเข้มของสีกระจก แต่ถ้ายิ่งเข้มมาก ก็จะส่งผลให้ภายในตัวอาคารมืดไปด้วย
  4. ใช้กระจกติดฟิล์มกรองแสง ติดฟิล์มกรองแสง ซึ่งสามารถลดและสะท้อนความร้อนออกจากตัวอาคารได้ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดความร้อนโดยรวมได้มากถึง 90% จากความร้อนที่จะเข้ามาภายในตัวอาคาร

ฟิล์มกรองแสงภายในอาคารนอกจากจะป้องกันแสงแดดและประหยัดพลังงานแล้วยังช่วยในด้านการตกแต่งได้อีกด้วย ดังนี้

  1. ทำให้อาคารหรือที่พักอาศัยมีความโดดเด่นทั้งภายในและภายนอก
  2. ช่วยทำให้มีความเป็นส่วนตัวสามารถมองออกไปข้างนอกได้ แต่ผู้ที่อยู่ข้างนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้
  3. เพิ่มความปลอดภัย ซึ่งจะอยู่ในหมวดของฟิล์มนิรภัย
  4. ใช้สำหรับตกแต่งภายใน ซึ่งจะอยู่ในหมวดของฟิล์มฝ้าและสติกเกอร์ฝ้า

นวัตกรรมฟิล์มกรองแสงแห่งยุค สุดยอดผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์การประหยัดพลังงาน

จากต้นแบบความคิดของนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่น จนตกผลึกเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนและรังสียูวีจากแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถลดอุณหภูมิในห้องปรับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยปัจจัยทางการตลาดจึงส่งผลให้สารเคมีดังกล่าว ได้รับการพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในสาธรณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นเจ้าของแหล่งแร่วัตถุดิบองค์ประกอบสำคัญในการผลิตสารเคมีดังกล่าว และได้มีโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ่านกระบวนการต่าง ๆ จนกลายเป็นผู้ส่งออกสารเคมีที่ใช้ในกลุ่มธุรกิจฟิล์มกรองแสง และกลุ่มเทคโนโลยีสารเคลือบกระจกกันความร้อน รายใหญ่ที่สุดในโลก

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ มีองค์ประกอบของรังสี UVA, UVB และความร้อน ที่ส่งผลต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรังสีดังกล่าวหากสะสมในร่างกายในปริมาณมาก ๆ ย่อมเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง และเป็นหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำลายพื้นผิวของวัสดุ หรือเฟอร์นิเจอร์ ส่งผลให้สิ่งของต่างๆ เสื่อมสภาพและมีอายุการใช้งานได้น้อยลง ส่วนความร้อนมีผลทำให้ต้องใช้เครื่องปรับอากาศอย่างหนัก ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานสูง

นวัตกรรมล่าสุดของสารเคลือบกระจกเพื่อกันความร้อน ที่เป็นนาโนเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ในการลดความร้อนได้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติของสารเคมีที่มีแอลกอฮอล์เป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้สามารถเคลือบยึดติดกับพื้นผิวของกระจกได้เป็นเนื้อเดียว มีความโปร่งแสงซึ่งไม่ทำให้เสียทัศนีย์ภาพอันสวยงามที่มองผ่านกระจก และสามารถป้องกันรังสี UVA, UVB ตลอดจนป้องกันความร้อนได้สูงสุดถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์

นอกจากคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าสารเคลือบกระจกกันความร้อนหรือฟิล์มกรองแสงที่มีขายอยู่ในท้องตลาดทั่วไปแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมหรือที่เรียกว่า ECO – PRODUCT ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศได้ดีที่สุด โดยสามารถลดความเย็นของห้องปรับอากาศลงได้ 2 – 4 องศาเซลเซียส ซึ่งจะประหยัดค่าไฟได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้ยังมีอายุการใช้งานได้มากกว่า 10 ปี หรือยืนยาวกว่าฟิล์มกรองแสงทั่วไปที่มีอายุการใช้งานเพียง 5 ปี เรียกได้ว่าลงทุนครั้งเดียว…คุ้มค่า คุ้มราคา

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์กับประโยชน์ในด้านต่างๆ

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ สำหรับกระจกรถยนต์โดยเฉพาะ ผลิตด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ลดความร้อนได้ถึง 99% และยังสามารถป้องกันรอยขูดขีด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับฟิล์มกรองแสงยี่ห้ออื่น ๆ ผลิตจากสหรัฐอเมริกา ฟิล์มทุกรุ่นรับประกัน 8 ปี จึงทำให้คุณมั่นใจในประสิทธิภาพสูงสุด คุณประโยชน์ของฟิล์มกรองแสงในด้านต่างๆมีดังนี้

ด้านการประหยัดพลังงาน

เมื่อฟิล์มกรองแสงสามารถลดพลังงานความร้อนจากแสงแดดได้มากเท่าไหร่ ก็สามารถประหยัดพลังงานและลดการทำงานของระบบทำความเย็นหรือแอร์ได้มากเท่านั้น คือ
• ในรถยนต์ เมื่อฟิล์มกรองแสงสามารถลดความร้อนได้เยอะ คอมเพรสเซอร์ของแอร์ไม่ต้อง ทำงานบ่อยทำให้เครื่องยนต์ที่เป็นตัวขับให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน ได้ทำงานน้อยลงทำให้ประหยัดพลังงานได้เพิ่มขึ้น และยืดอายุการทำงานของคอมเพรสเซอร์ไปในตัวรวมถึงส่วนอื่นๆ เช่น น้ำยาแอร์ เป็นต้น
• ในอาคาร-บ้านเรือน เมื่อฟิล์มกรองแสงสามารถลดความร้อนได้เยอะ คอมเพรสเซอร์ของแอร์ไม่ต้อง
ทำงานหนัก ทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้า และยืดอายุการทำงานคอมเพรสเซอร์ไปในตัวรวมถึงส่วนอื่น ๆ

ด้านสุขภาพ

รังสีจากดวงอาทิตย์มีคุณประโยชน์มหาศาลต่อโลกมนุษย์ แต่ก็มีอันตรายที่แอบแฝงอยู่ และนับวันจะยิ่งมีอันตรายเพิ่มมากขึ้นจากการที่ชั้นบรรยากาศของโลกได้ถูกทำลายลงเรื่อยๆ ทำให้รังสีต่างๆ ทะลุผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามามากขึ้น โดยอันตรายด้านสุขภาพจากรังสี คือ
• รังสีแสงสว่าง (Visible Light) ปัญหาแสงสว่างจ้าจะทำให้เกิดความไม่สบายตาหรือรบกวนการมองเห็น
• รังสีใต้แดง (Infrared) ให้ความร้อนกับผิวหนัง เนื้อเยื่อที่อยู่ถัดเข้าไป อาจทำให้ผิวหนังไหม้จากความร้อนได้
• รังสีเหนือม่วง (Ultraviolet) ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังและต้อกระจกในดวงตา

ด้านความปลอดภัย

• ยานพาหนะ อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา กระจกเป็นส่วนประกอบของยานพาหนะที่สำคัญ หลายครั้งที่เกิดอุบัติเหตุผู้ขับขี่และผู้โดยสารมักได้รับอันตรายจากเศษกระจก ถึงแม้ว่าจะเป็นกระจก Safety เศษกระจกอาจกระเด็นเข้าดวงตาได้ การติดตั้งฟิล์มกรองแสงจะมีส่วนช่วยยึดกระจกไม่ให้แตกกระจายเข้ามาให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
• การก่อการร้าย ฟิล์มยังมีชนิดที่สามารถกันกระสุนปืนได้อีกด้วย
• อาคาร-บ้านเรือน การเคลื่อนตัวของแผ่นดิน การเกิดแผ่นดินไหว การเกิดพายุ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเศษกระจกแหลมคมย่อมสามารถทำอันตราย์ได้ทุกเมื่อ การติดตั้งฟิล์มช่วยยึดกระจกที่แหลมคมไม่ให้ทำอันตรายต่อมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
• ทรัพย์สิน การติดฟิล์มช่วยยืดอายุของทรัพย์สินไม่ให้ซีดจางเร็วกว่ากำหนดแล้ว ยังสามารถติดฟิล์มเพื่อป้องกันการโจรกรรมได้ เช่น การติดเพื่อไม่ให้มองเห็นภายใน หรือติดเพื่อป้องกันการทุบกระจก

การเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ ช่วยลดความร้อนจากแสงแดด

การจะเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ จะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับรถเรานั้น ก่อนอื่นเรามารู้จักตัวฟิล์มกัน
ฟิล์มกรองแสงนั้น เป็นวัสดุโปร่งใสที่มีคุณสมบัติลดความร้อน ลดรังสียูวีหรืออัลตร้าไวโอเลตรังสีอินฟราเรด และช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่จะเข้ามาภายในห้องโดยสารรถยนต์ ฟิล์มกรองแสง แบ่งออกได้เป็นหลายแบบ ดังนี้
1. แบบไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดด ฟิล์มชนิดนี้จะมีคุณสมบัติเฉพาะในส่วนของการกรองแสงจากดวงอาทิตย์ให้อ่อนลงเมื่อส่องผ่านกระจกเข้ามาภายในตัวรถเท่านั้น ฟิล์มประเภทนี้จะลดความเข้มของแสงได้เพียงอย่างเดียว แต่จะไม่สามารถกรองหรือลดอันตรายและความเข้มของรังสีต่างๆ ที่แฝงมากับแสงแดดได้ ฟิล์มแบบนี้จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก และฟิล์มแบบนี้ก็กันความร้อนได้ไม่เกิน 50% มักมีราคาถูกประมาณ800-1,500 บาท/คันและอายุการใช้งานสั้นประมาณ 3-5 ปี
2. แบบที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแสงแดดฟิล์มประเภทนี้ ตัวเนื้อฟิล์มจะเพิ่มวัสดุพิเศษซ้อนเข้าไปเพื่อเป็นตัวป้องกันรังสีต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อทั้งผู้โดยสาร และชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ถูกแสงแดด ซึ่งฟิล์มประเภทนี้สามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยๆ ได้อีก 4 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
2.1 ฟิล์มปรอท, ฟิล์มเคลือบโลหะ และฟิล์มลดความร้อนคุณภาพการลดความร้อน 35-90% ตัวเนื้อฟิล์มจะเป็นสีสะท้อนแสงคล้ายกระจกเงา ค่อนข้างอันตรายสำหรับรถที่ขับตามหลังในเวลากลางวัน เพราะจะมองลอดผ่านกระจกไม่ได้เลย แต่ฟิล์มชนิดนี้เมื่อเอามือป้องที่กระจกจะสามารถมองผ่านเห็นด้านในได้ หรือหากเปิดไฟในรถเวลากลางคืนจะสามารถเห็นได้จากภายนอก ราคา 2,000-5,000 บาท/คัน อายุการใช้งานประมาณ 3-7 ปี
2.2 ฟิล์มอินฟราเรด เป็นฟิล์มชนิดที่เคลือบสารพิเศษในการไปตัดรังสีอินฟราเรด ซึ่งเป็นฟิล์มที่กันความร้อนได้ค่อนข้างดีที่สุด และมีราคาที่สูงมาก แต่ในปัจจุบันเริ่มมีหลายบริษัทผู้ผลิตฟิล์มจำหน่ายมากขึ้น ทำให้ราคาเริ่มปรับลดลง
2.3 ฟิล์มนิรภัย มีความหนาตั้งแต่ 4 MIL ขึ้นไป (1 MIL = 1/1,000 นิ้ว) มีทั้งชนิดลดความร้อน และไม่ลดความร้อน คุณสมบัติคือ จะช่วยยึดเกาะแผ่นกระจกให้คงรูปเดิมมากที่สุดเมื่อกระจกถูกแรงกระแทก และแตกเป็นเม็ดละเอียด และเนื่้อฟิล์มก็ยังช่วยซับแรงได้อีกชั้นหนึ่ง ส่วนมากจะใช้ในงานอาคารสูงเพื่อยึดกระจกไว้เวลากระจกแตก แต่ปัจจุบันก็เริ่มนำมาใช้ในรถยนต์มากขึ้น
2.4 ฟิล์มใสประเภทนาโนฟิล์มประเภทนี้ แสงส่องผ่านได้มากกว่า 60% และไม่มีเงา แต่ลดความร้อนได้สูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ผลิตและนำมาเคลือบฟิล์ม และมีราคาค่อนข้างสูง

 

ประเภทและวิธีการเลือกฟิล์มกรองแสงให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานมากที่สุด

ฟิล์มกรองแสง คือ ฟิล์มพลาสติก ซึ่งส่วนใหญ่ทำมาจากโพลิเอสเทอร์ เหนียว มีความบางเรียบไร้รอยย่น และสามารถแนบสนิท เป็นเนื้อเดียวกับกระจก ซึ่งยึดติดอยู่บนกระจกได้ด้วยกาวที่มีความใส ไม่ทำให้ภาพที่มองผ่านฟิล์มบิดเบือนโดยปกติแล้วฟิล์มกรองแสงทำหน้าที่ในการลดหรือกรองแสงสว่างที่ผ่านเข้ามาทางกระจก ดังนั้น ฟิล์มกรองแสง ทั่วไปจึงมีการย้อมสีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะการกรองแสงสว่างเท่านั้นแต่ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพดีกว่า ฟิล์มกรองแสงทั่วไปจะต้องสามารถลดความร้อนและรังสีอัลตราไวโอเลตที่เป็นสาเหตุของการซีดจางของสีและบ่อเกิดของปัญหาทางสุขภาพได้ด้วย

1. ฟิล์มย้อมสี (Dyed Film) เป็นฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นต่ำโดยจะนำสีมาย้อมที่กาวโพลีเอสเตอร์ มีคุณสมบัติ ในการกรองแสงได้แต่สามารถลดความร้อนได้น้อย กาวที่ใช้ไม่มีคุณภาพราคาถูก อายุการใช้งานสั้นไม่เกิน 3 ปีเมื่อเสื่อมสภาพ สีจะจางลง เปลี่ยนเป็นสีม่วง โป่งพองกาวจะเสี่อมทำให้รบกวนทัศนวิสัย ส่วนใหญ่ใช้เป็นฟิล์มแถมฟิล์มย้อมสีนี้ยังมีผู้บริโภค ที่เข้าใจผิดอยู่ว่าติดแล้วสามารถลดความร้อนได้ โดยเฉพาะผู้ที่เลือกสีเข้ม (ฟิล์ม 80% หรือแสงส่องผ่านได้ประมาณ 5-10%) เพราะความเข้มของฟิล์มจะทำให้รู้สึกสบายแต่สีของฟิล์มที่เข้มมากยิ่งจะดูดซับพลังงานความร้อนไว้แล้วค่อยๆส่งผ่านมาในอาคารทำให้ร้อนขึ้น

2. ฟิล์มเคลือบละอองโลหะ (Metallized Film) เป็นฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงโดยใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์นำเอา อนุภาคของโลหะมาเคลือบไว้บนแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้สามารถสะท้อนพลังงานความร้อนได้ดียิ่งขึ้น จึงสามารถลด ความร้อน ได้ดีกว่าฟิล์มย้อมสีมาก อายุการใช้งานนานกว่าประมาณ 5 – 7 ปี กาวและโพลีเอสเตอร์มีคุณภาพดีกว่า ราคาสูงกว่า

3. ฟิล์มเคลือบอนุภาคโลหะ (Metal Sputtering Film) ใช้การเหนี่ยวนำของประจุไฟฟ้าในสุญญากาศให้อนุภาค โลหะไปเกาะติดบนแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้ได้ฟิล์มที่มีความคงทนมาก ลดความร้อนได้มากพอกันกับแบบที่ 2  ประมาณ 50-70% ฟิล์มประเภทนี้เหมาะสมกับการใช้ติดตั้งกระจกอาคารมากที่สุด มีราคาค่อนข้างสูง

ประโยชน์ที่จะได้รับในการติดตั้งฟิล์มกรองแสงสำหรับรถยนต์

พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากจะมีรังสีต่างๆแล้ว ยังให้แสงสว่าง และมีความร้อนด้วยดังนั้นฟิล์มกรองแสงที่ดีต้องสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี แสง และความร้อน คือ ค่าการลดความร้อนจากแสงแดด นั้นเอง

การเลือกฟิล์มกรองแสง สำหรับรถยนต์ โดยทั่วไปแล้วควรมีความเข้าใจพื้นฐาน ของระบบการทำงาน ของฟิล์มกรองแสง ซึ่งอาจจะช่วยนำไปสู่การตัดสินใจได้ว่า จะเลือกอย่างไร จึงสมเหตุสมผล ประโยชน์ที่จะได้รับคือ

1. การลดความร้อน ซึ่งฟิล์มกรองแสงที่ดีสามารถลดอุณหภูมิในรถลงได้กว่า 60%

2. ป้องกันผิวหนังและดวงตา โดยการติดฟิล์มกรองแสงสามารถลดรังสีอัลตร้าไวโอเลตหรือยูวีได้กว่า 99% ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก

3. ลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ฟิล์มกรองแสงที่ดีจะสามารถยึดกระจกไม่ให้แตกกระจายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ปลอดภัยจากความคมของเศษกระจก หรือเศษจากกระจกนิรภัย กระเด็นเข้าตา

4. เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ การติดฟิล์มกรองแสงสามารถลดแสงจ้าจากดวงอาทิตย์, แสงไฟจากรถที่วิ่งสวนทาง ทำให้ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีขึ้น

5. สร้างความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย การติดฟิล์มกรองแสงที่มีความทึบแสงจะช่วยบดบังผู้ประสงค์ร้ายภายนอก และบดบังทรัพย์สินภายในโดยเฉพาะป้องกันสำหรับสุภาพสตรี ช่วยในด้านความเป็นส่วนตัว แต่ในเรื่องนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะก็จะเป็นการพรางตาผู้คนภายนอกในกรณีเกิดเหตุการณ์ร้ายในรถ

6. การติดฟิล์มกรองแสงจะช่วยปกป้องรถคุณ ไม่ให้อุปกรณ์ภายในรถไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัด, คอนโซน, พวงมาลัย ฯลฯ ซีดจางและแตกร้าวเร็ว

7. ประหยัดพลังงาน การติดฟิล์มกรองแสงที่ดีสามารถช่วยประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อนได้ โดยการป้องกันความร้อนที่เข้ามาในตัวรถ ทำให้ระบบปรับความเย็นในรถ ทำงานน้อยลงจึงเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงค่าดูแลรักษาระบบปรับความเย็นอีกด้วย

8. การตกแต่งรถเพื่อความเก๋ สวยงาม เพราะมีฟิล์มแบบแฟชั่นที่ให้ความสวยงามกับรถยนต์ได้ด้วย

การเลือกชนิดของฟิล์มกรองแสงมีหลากหลายชนิด ขึ้นกับตลาดและความต้องการของผู้ใช้ ราคามีแตกต่างกันมาก ขึ้นกับคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ แต่ความสามารถพื้นฐานที่ต้องการกันทั่วไปในคุณภาพของฟิล์มที่มีคุณภาพดีอาจไม่แตกต่างกัน

การเลือกฟิล์มกรองแสงอาคารและที่อยู่อาศัย จากดวงอาทิตย์อย่างไร จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด


ฟิล์มกรองแสง คือแผ่น โพลีเอสเตอร์ ซึ่งมีลักษณะใส ซ้อนกันโดยแบ่งเป็นชั้นๆ เช่น ชั้นกาว ชั้นสี ชั้นโลหะ (ปรอท) เป็นต้นซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก็จะใช้เทคโนโลยีในการผลิต ที่แตกต่างกันออกไป จึงส่งผลให้ราคาของแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกันอย่างมาก จุดประสงค์หลักของฟิล์มกรองแสง คือ การลดความร้อน และป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ ที่เป็นอันตรายต่อ ผิวหนังหากได้รับแสงจากดวงอาทิตย์โดยตรงมากเกินไป ซึ่งโดยปกติแล้ว ฟิล์มที่ยิ่งเข้ม ( แสงผ่านได้น้อย ) สามารถลดความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มที่ใสกว่า ( แสงผ่านได้มากกว่า )และ ฟิล์มที่สะท้อนแสงได้มากกว่า ( มีปรอท ) ก็จะยิ่งลดความร้อนได้ดีกว่าเพราะจะมีการสะท้อนความร้อนที่อยู่ที่ผิวกระจก ทำให้ลดความร้อนที่ยังคงอยู่ที่ผิวกระจกลงได้อย่างมาก ฟิล์มกรองแสงอาคาร มีบทบาทสำคัญอย่างมาก เนื่องจากอาคารที่สร้างใหม่ หรือที่พบเห็นกันทั่วไปในปัจจุบัน จะใช้ กระจก เป็นส่วนประกอบของตัวอาคารเพื่อให้ตัวอาคารมีน้ำหนักเบา และมีความทันสมัย สวยงามทั้งภายใน และภายนอก และเมื่อตัวอาคารต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดดย่อมทำให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามา สู่ภายในได้โดยง่าย ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักมากขึ้น และค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตามลำดับ

วิธีการลดความร้อนจากภายนอกสำหรับอาคารที่มีกระจกเป็นส่วนประกอบ เช่น ประตู, หน้าต่าง, ช่องแสง, ผนังอาคารฯ ที่ผู้รับเหมาหรือผู้ออกแบบตกแต่งภายในเลือกใช้มีหลายวิธี เช่น
1. ใช้ เป็นกระจกใส ใช้ผ้าม่านหรือมู่ลี่ปิดกั้นกระจกไว้เพื่อตกแต่งภายในให้สวยงาม บทบังแสงแดดโดยตรง แต่ความร้อนยังเข้ามาในตัวอาคารเท่าเดิม
2. ใช้เป็นกระจกใสหรือสี แต่หาตู้หรือชั้นวางมาบดบังไว้ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นบรรยากาศภายนอกได้และความร้อนยังเข้ามาในอาคารเท่าเดิม
3. ใช้เป็นกระจกสี สามารถลดความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ตามความเข้มของสีกระจก แต่ถ้ายิ่งเข้มมาก ก็จะส่งผลให้ภายในตัวอาคารมืดไปด้วย
4. ใช้ เป็นกระจก ติดฟิล์มกรองแสง ซึ่งสามารถลดและสะท้อนความร้อนออกจากตัวอาคารได้ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดความร้อนโดยรวมได้มากถึง 90% จากความร้อนที่จะเข้ามาภายในตัวอาคาร

ฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคาร สามารถตอบรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยภายในได้ ในด้านอื่นๆ อีกเช่น
1. ตกแต่งอาคาร เพิ่มความโดดเด่นให้ตัวอาคารและเพิ่มความสวยงามทั้งภายในและภายนอกอาคาร
2. เพิ่มความเป็นส่วนตัว สำหรับผู้ที่ต้องการมองจากข้างในออกไปชัดเจน แต่ผู้ที่อยุ่ด้านนอกมองเข้ามาไม่เห็น
3. เพิ่มความปลอดภัย ซึ่งจะอยู่ในหมวดของฟิล์มนิรภัย
4. ใช้สำหรับตกแต่งภายใน ซึ่งจะอยู่ในหมวดของฟิล์มฝ้าและสติกเกอร์ฝ้า

เนื่องด้วยแบรนด์และชนิดของฟิล์มกรองแสงมีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งก็จะมีส่วนต่างในด้านของราคาตามเทคโนโลยีการผลิตของสินค้าแต่ละชนิด ทางเราซึ่งเป็นผู้จำหน่ายและบริการติดตั้ง สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านฟิล์มกรองแสงโดยเฉพาะ และมี ตัวอย่างรูปแบบและสินค้าให้แก่ลูกค้าก่อนตัดสินใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าสูงสุด

 

รู้ทันเทคนิคการจำหน่ายสติ๊กเกอร์ ฟิล์มกรองแสง

เมืองไทยเป็นเมืองร้อน กว่า 90% ของผู้ใช้รถยนต์ สิ่งแรกที่เจ้าของรถต้องติดตั้งเพิ่มเติม คือ ฟิล์มกรองแสง การเลือกฟิล์มกรองแสง สำหรับรถยนต์ โดยทั่วไปแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็น แต่จะให้ประหยัดและคุ้มค่า ควรมีความเข้าใจพื้นฐาน ของระบบการทำงาน ของฟิล์มกรองแสง ซึ่งอาจจะช่วยให้ท่าน นำไปตัดสินใจได้ว่า จะเลือกอย่างไร จึงสมเหตุสมผล ก่อนอื่นมาดูจุดประสงค์ของการติดตั้งฟิล์มกรองแสงก่อน อันดับแรก คือ กันความร้อน สู่ห้องโดยสาร ผลพลอยได้ที่ตามมา คือ ช่วยประหยัดพลังงานที่ใช้ทำความเย็น ช่วยยืดอายุของชิ้นส่วนภายใน เช่น คอมเพรสเซอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ต่อมาคือเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ต้องยอมรับว่าฟิล์มกรองแสงที่มีความทึบ สามารถพรางภายในรถ ไม่ให้คนภายนอกมองเข้าไปภายในได้โดยเฉพาะสุภาพสตรี นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของความปลอดภัยเมื่ออุบัติเหตุ เช่น กรณีเศษกระจกที่แตกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ฟิล์มกรองแสงที่ดีจะช่วยยึดกระจกไม่ให้แตกกระจาย ที่เหลือเป็นเรื่องของความสวยงาม เพราะมีฟิล์มแบบแฟชั่นที่ให้ความสวยงามกับรถยนต์ได้ด้วย ยังไม่นับในเรื่องอื่นๆ เช่น ความเป็นส่วนตัว หรือการเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาวะโลกร้อน

ในกรณีที่ร้านค้าบางร้าน มีการสาธิตหรือทดสอบคุณภาพของฟิล์มให้ดู เราควรพิจารณาถึงวิธีการทดสอบคุณภาพของฟิล์มด้วยว่าเชื่อถือได้หรือไม่ เช่น การทดสอบฟิล์มด้วยแสงสปอตไลท์ ไม่ว่าจะโดยการให้ผู้บริโภคใช้มืออัง หรือยืนท่ามกลางแสงสปอตไลท์ เป็นวิธีที่สามารถใช้ในการเปรียบเทียบได้ระดับหนึ่ง แต่วิธีดังกล่าวไม่สามารถระบุได้ว่าฟิล์มนั้นๆ สามารถลดความร้อนจากแสงแดดได้เท่าไหร่ ซึ่งแหล่งกำเนิดแสงทั้งสองชนิดนี้ มีลักษณะแตกต่างกัน และที่แย่กว่านั้นคือ ฟิล์มกรองแสงที่นำมาทดลองอาจเป็นคนละชนิดกับฟิล์มกรองแสงที่นำมาติดที่รถ ซึ่งในปัจจุบันได้มีอุปกรณ์ทดสอบฟิล์มกรองแสงที่มีค่าการลดความร้อนรวมจากแสงแดดในตลาดมากขึ้น ดูอุปกรณ์ทดสอบฟิล์มกรองแสง

คุณภาพของฟิล์มกรองแสงทางด้านอื่นๆ

ฟิล์มกรองแสงที่ดีจะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของกาวด้วย กาวที่ดีต้องมีความบางใส และเหนียว เมื่อติดแล้วต้องทนทานต่อสภาวะความร้อนเย็นของกระจกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ยึดติดกับกระจกได้ดีไม่ทำให้ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ พอง ลอก ล่อน เป็นฟองอากาศ นอกจากนั้น ฟิล์มที่ดีจะต้องป้องกันรอยขีดข่วน หรือเคลือบสารกันรอยขีดข่วน ฟิล์มกรองแสงทำมาจากโพลีเอสเตอร์ มีจุดอ่อนในเรื่องความอ่อนของผิว ซึ่งมักสามารถเป็นรอยเส้นคล้ายรอยขนแมวได้ง่าย เมื่อมีการขีดข่วนจากการใช้งานปกติ แต่ปัจจุบันได้มีการคิดค้นสารเคมีที่ทำหน้าที่เคลือบแข็งบนผิวของฟิล์ม ทำหน้าที่ในการป้องกันการขีดข่วนจากการใช้งานปกติ คุณสมบัตินี้ทำให้ฟิล์มมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และดูสวยงามตลอดอายุการใช้งาน
จำไว้ว่าฟิล์มกรองแสงที่ดีไม่ใช่ฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความสามารถในการสะท้อนแสงอาทิตย์ได้ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายในการขับขี่ รวมทั้งช่วยประหยัดพลังงานในการทำงานของเครื่องปรับอากาศในรถด้วย ซึ่งการเลือกฟิล์มที่มีค่า SHADING COEFFICENT (SC) ต่ำๆ ยังมีส่วนช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการปรับอากาศได้ และที่สำคัญต้องเป็นฟิล์มที่มีความปลอดภัยสามารถยืดเกาะกระจกได้

ทุกวันนี้ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ที่ขายอยู่ในตลาด มีมากมายเกือบ 100 ยี่ห้อ มีทั้งแบบที่มั่นคงถาวร และแบบเวียนว่ายตายเกิด สร้างยี่ห้อออกมาขาย พอขายไม่ได้ก็เปลี่ยนยี่ห้อไปเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นฟิล์มตัวเดิม เวลาเลือกจึงต้องระวัง