Category Archives: สินค้าและบริการ

King Cobra ตู้เซฟที่ขายดีที่สุดจาก แข็งแกร่ง ทนทาน ที่สุดแห่งความคุ้มค้า

ถือได้ว่าเป็นตู้เซฟหรือตู้นิรภัยที่ขายดีที่สุดจากผู้นำด้านการออกแบบ และผลิตตู้นิรภัยที่ทั่วโลกให้การยอมรับ แข็งแกร่ง ทนทาน ป้องกันทรัพย์สิน จากการโจรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ

โครงสร้างตัวตู้

ภายนอกและภายในขึ้นรูปด้วยเหล็กกล้า เชื่อมติดกันแบบไร้รอยต่อ ภายในโครงสร้าง บรรจุสารป้องกันการเจาะทำลายและป้องกัน ความร้อน ชับบ์เซฟ M30 ซึ่งเป็นส่วนผสมจาก คอนกรีตสูตรพิเศษ มีคุณสมบัติด้านความแข็ง ทนทานต่อการเจาะ และทนความร้อนสูง

ทำให้โครงสร้างแข็งแรง ทนทาน ตัวตู้มีความหนา 65 มม. เท่ากัน ทุกด้าน

บานประตู

บานประตูมีความหนาโดยรวม 85 มม. ความหนาบ้านที่ทำหน้าที่ ป้องกันการเจาะ ทำลายหนา 10 มม. หน้าบานผลิตจากเหล็กกล้าเต็มแผ่น ด้านหลังบานประต ูเพิ่มประสิทธิภาพใน การกันความร้อน

ด้วยการติดตั้งแผ่นฉนวนกันความร้อนหนา10 มม. พร้อมแผ่นยาง กันควันบุรอบขอบบานประตู ช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนเล็ดลอด ผ่านบานประตูเข้าสู่ตัวตู้ด้านใน ในกรณีที่ตู้ถูกเพลิงไหม้

ประสิทธิภาพในการกันไฟ

ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในการกันไฟจาก JIS ตามมาตรฐาน อุตสาหกรรม ของประเทศญี่ปุ่น

ระบบล็อค

แบบ 1 กุญแจและ 1 รหัส แม่กุญแจแบบ 8 แถบระดับ ผ่านมาตรฐาน EN 1300A(อังกฤษ), ECB-S(สหภาพยุโรป), VdS Class 1(เยอรมัน),

UL 437 (สหรัฐอเมริกา) ป้องกันการเจาะทำลายแม่กุญแจ ด้วยการ ติดตั้งแผ่นเหล็กกันเจาะ และ ระบบล็อคอัตโนมัติ ซึ่งจะทำงานทันที

ที่มีการเจาะทำงานบริเวณแม่กุญแจ รหัสแบบ 3 ตัวเลข เปลี่ยนแปลงรหัสได้ถึง 1,000,000 หมายเลข ผ่านมาตรฐาน UL Group2 (สหรัฐอเมริกา), VdS Class1 (เยอรมัน) พร้อมติดตั้งแผ่นกันเจาะป้องกันบริเวณรหัส ควบคุมการเปิด-ปิดบานประตู ด้วยสลักกลอนเหล็กกล้าขนาด

เส้นผ่านศูนย์กลาง 28 มม. ขอบบานประตูด้านหลังออกแบบให้เป็น สลักกลอนแบบติดตาย ช่วยยึดบานประตูให้แนบสนิทกับตัวตู้ เพื่อป้องกันการโจรกรรมด้วยการตัดบานพับ

ทำไมต้องเลือกใช้เครื่องแสกนลายนิ้วมือ

ลายนิ้วมือ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สามารถตรวจสอบอัตลักษณ์ของบุคคลได้ ดังนั้นจึงได้มีการนำความรู้นี้มาต่อยอด
พัฒนากลายมาเป็น “เครื่องสแกนลายนิ้วมือ” เนื่องจากลายนิ้วมือของแต่ละคนนั้น จะไม่มีทางที่จะซ้ำหรือเหมือนกัน
ได้เลย ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นญาติ พี่น้อง หรือแม้แต่เป็นฝาแฝดกันก็ตามและเราสามารถแบ่งเครื่องสแกนลายนิ้วมือออก
ได้ตามการใช้งานและประโยชน์ได้
เครื่องสแกนลายนิ้วมือแบ่งได้เป็น 2 ประเภทตามใช้งาน ดังนี้
1.เครื่องบันทึกเวลา คืออุปกรณ์ที่ใช้บันทึกเวลาตามที่เรากำหนด โดยเราจะทำการบันทึกลายนิ้วมือของบุคคลนั้นๆไว้
ในหน่ายความจำของเครื่องก่อน เพื่อนทำการจัดเก็บเข้าไปในฐานข้อมูล และเมื่อบุคคลที่ทำการเก็บข้อมูลไว้แล้ว ทำ
การสแกนลายนิ้วมือ ข้อมูลก็จะถูกจัดเก็บทันที
2.เครื่องควบคุมประตู คืออุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมการเปิดปิดประตู โดยอาศัยหลักการคล้ายๆกับเครื่องบันทึกเวลา
นั่นก็คือต้องทำการบันทึกข้อมูลลายนิ้วมือของผู้ที่เราต้องการอนุญาตให้เข้าออกเท่านั้น หากลายนิ้วมือตรงกับข้อมูลที่
จัดเก็บไว้ ประตูก็จะทำการเปิดนั่นเอง ซึ่งระบบนี้ จะช่วยทำให้สถานที่ที่ทำการติดตั้งนั้นมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของเครื่องสแกนลายนิ้วมือนั้น เหมาะสำหรับทุกธุรกิจ ที่ต้องการบันทึกข้อมูลการทำงาน
ของพนักงาน เพื่อทำการสังเกตพฤติกรรม และเพื่อใช้ในการบริหารธุรกิจของเราให้อยู่รอด และมีผลกำไรมากขึ้น
บางบริษัทใช้ข้อมูลของเครื่องบันทึกเวลาในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรได้อย่างน่าทึ่งมากเลยทีเดียว เรียกได้ว่า
เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก

อายุของฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองแสงนั้นมีคุณสมบัติคือเป็นวัสดุที่โปร่งแสง แต่ช่วยลดความร้อน ลดรังสีอินฟราเรด และรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่เข้ามากระทบ ทำให้ช่วยลดความร้อนภายในรถ เมื่อต้องจอดอยู่กลางแสงแดด ซึ่งฟิล์มที่ว่านี้สามารถแบ่งได้หลายประเภทด้วยกันคือ

  1. แบบไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแดด
  2. แบบมีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีที่มาจากแดด
  3. ฟิล์มปรอท, ฟิล์มเคลือบโลหะ และฟิล์มลดความร้อน
  4. ฟิล์มอินฟราเรด (Infrared Film)
  5. ฟิล์มนิรภัย (Safety Film)
  6. ฟิล์มใสนาโน

อายุของฟิล์มกรองแสง 1 อายุของฟิล์มกรองแสง

ในส่วนของอายุการใช้งานของฟิล์มกรองแสงนั้นส่วนใหญ่นั้นฟิล์มหลายๆ ยี่ห้อจะรับประกันคุณภาพประมาณ 7 ปี แล้วหลายๆ คนก็มีข้อสงสัยว่าจริงๆ แล้วฟิล์มมีอายุกี่ปีกันแน่ ในบางยี่ห้อที่มีลักษณะที่เสื่อมคุณภาพไปแล้ว จะทำให้เราเห็นภาพซ้อน หรือเวลามองแล้วเห็นภาพไม่ชัด เหมือนเป็นคนสายตาสั้นซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้เราก็ควรที่จะเปลี่ยนได้แล้วเนื่องจาก ถ้าให้ฟิล์มหมดอายุหรือที่เค้าเรียกว่าฟิล์มตาย แล้วลอกออก ในการลอกออกนั้นอาจจะสร้างความเสียหายให้กับกระจกได้ แต่สำหรับฟิล์มที่มีคุณภาพจะลอกง่าย ใช้เวลาน้อยในการลอก และกาวของฟิล์มจะติดอยู่ที่ตัวฟิล์มไม่ได้ติดอยู่ที่กระจก ซึ่งจะดีกว่าฟิล์มที่ลอกแล้วกาวติดอยู่ที่กระจกนั้นเองนอกจากนี้แล้ว ยังมีความเหนี่ยวของเนื้อฟิล์มอยู่ เวลาดึงออกจากกระจกจะไม่ขาดหรือ แตกเป็นชิ้นๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือ สิ่งที่ทำให้ฟิล์มนั้นมีอายุสั้นกว่าปกติ ก็คงตอบง่ายๆ เลย คือแสงแดด และน้ำยาเช็ดกระจกที่มี แอมโมเนีย ผสมอยู่ สองอย่างนี้จะเป็นสิ่งที่ทำลายตัวฟิล์มกรองแสงของเราให้มีอายุการใช้งานน้อยลง

คุณสมบัติของฟิล์มกรองแสงที่ดี

%e0%b8%9f%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b9%8c%e0%b8%a1

 

ด้วยความที่เมืองไทยเป็นเมืองที่มีอากาศร้อนมาก ดังนั้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้รถสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ การติดตั้งฟิล์มกรองแสงเพิ่มเติม ซึ่งหลักการในการเลือกเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แค่ทำความเข้าใจกับพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ  กับการทำงานของฟิล์มกรองแสง  ก็จะช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อฟิล์มที่ดีรู้สึกปราบปลื้มกับการติดตั้งฟิล์มกรองแสงแน่นอน

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าจุดประสงค์ของการติดฟิล์มกรองแสงนั้น คือ การกันความร้อน ต้องการซื้อมากันความร้อนจากแสงแดด จากดวงอาทิตย์ที่จะแผ่เข้ามายังพื้นที่ภายในรถของคุณ และนั่นจะนำมาซึ่งการช่วยประหยัดพลังงานที่ใช้ความเย็น ช่วยยืดอายุการทำงานของชิ้นส่วนต่างๆ  ภายในรถของคุณเอง สิ่งต่อมาคือติดตั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัย หลายคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว และต้องยอมรับว่าฟิล์มกรองแสงในแบบที่มีความทึบนั้นสามารถช่วยคุณได้ มองจากภายนอกไม่สามารถมองเข้าไปเห็นภายในได้ จริงอยู่ว่ามันสร้างความส่วนตัวให้กับคุณแต่อย่าลืมในเรื่องของความปลอดภัย นอกจากนี้หากเกิดอุบัติเหตุใดๆ ก็ตามที่ไม่คาดคิด  เช่น หากมีอุบัติเหตุที่ทำให้เศษกระจกแตก  ฟิล์มกรองแสงที่ดีจะช่วยยึดกระจกไม่ให้แตกกระจายได้  และข้อสุดท้ายความสวยงามหากจะตามแฟชั่นต้องดูความเหมาะสมของรถด้วยว่าเป็นแบบใด เหมาะกับสีแบบไหน เพราะมีบางคนที่หลังจากไปติดฟิล์มมาแล้วทำให้ลดความสวยงามของรถคันโปรดลงไป

ฟิล์มกรองแสงที่ดีนอกจากจะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติอื่นๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว  การพิจารณาคุณสมบัติของกาวที่ใช้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน คุณสมบัติของกาวที่ดีต้องมีความบางใสและเหนียว เมื่อนำมาติดที่กระจกแล้วต้องทนทานต่อสภาวะความร้อนเย็นของกระจกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ยึดติดกับกระจกได้ดี ไม่ทำให้ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ พอง ลอก ล่อน หรือเป็นฟองอากาศ  นอกจากที่กล่าวไปแล้ว ฟิล์มที่ดีจะต้องสามารถป้องกันรอยขีดข่วน หรือสามารถเคลือบสารกันรอยขีดข่วนได้อีกด้วย อย่างฟิล์มกรองแสงที่ทำมาจากโพลีเอสเตอร์ก็มีจุดอ่อนในเรื่องความอ่อนของผิว ซึ่งมักจะทำให้เกิดรอยเส้นคล้ายรอยขนแมวได้ง่ายรวมไปถึงจากการใช้งานปกติ แต่ปัจจุบันได้มีการคิดค้นสารเคมีเคลือบแข็งบนผิวของฟิล์ม ซึ่งจะทำหน้าที่ในการป้องกันการขีดข่วนจากการใช้งานปกติ และจากคุณสมบัติข้อนี้นี่เองจึงทำให้อายุการใช้งานของฟิล์มมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นแลดูสวยงามตลอดอายุการใช้งาน สิ่งสำคัญจำไว้ว่าฟิล์มกรองแสงที่ดีไม่ใช่เพียงแต่สามารถลดแสงจ้าได้ดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ฟิล์มที่ดีจะต้องมีความสามรถสะท้อนแสงอาทิตย์ได้

ฟิล์มกรองแสง กับ ฟิล์มลดความร้อน เหมือน หรือ ต่างกันอย่างไร?

1362985799-1dscf1303j-o

เรามักจะได้ยินกันมาตลอดว่า รถยนต์ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีวิธีการป้องกันคลื่นความร้อน และให้ในรถมีความเย็นสบาย ในขณะ ใช้รถ

เนื่องจากแสงแดดในตอนกลางวัน หรือ แม้ในยามค่ำคืนหากขับรถโดยไม่เปิดกระจก ก็ไม่สามารถจะขับได้นาน เพราะความ อบอ้าวในรถอันเกิด จากแสงแดด และอากาศภายใน ดังนั้น รถยนต์จำเป็นจะต้องมีฟิล์มกรองแสง หรือ ฟิล์มลดความร้อน และเครื่องปรับอากาศ ใช้งานกับรถของท่าน

ในส่วนของฟิล์มกรองแสง หรือฟิล์มลดความร้อน นั้น มีความเหมือนและมีความแตกต่างกันอยู่ในตัวเองในอดีตผู้คนมักจะเรียก วัสดุสีดำๆ ที่เป็นพลาสติก มาติดกระจกรถ ว่าเป็นฟิล์มกรองแสง ต่อมาก็จะมีการเรียกฟิล์มลดความร้อนบ้าง ซึ่งในอย่างหลังนั้น ก็คือฟิล์มกรองแสง ที่มีคุณสมบัติ ในการลดคลื่นความร้อนได้มากกว่า ฟิล์มกรองแสงแบบเดิมนั่นเอง ทั้งนี้ จากการที่ได้วิวัฒนาการผลิต ด้วยเทคโนโลยี สมัยใหม่ เช่น Sputtering Metallized Coating; Metal Selection Coating etc.

ฟิล์มกรองแสงที่จำหน่ายอยู่ในตลาดมีมากมายหลายชนิดส่วนใหญ่เป็นฟิล์มย้อมสีมีคุณภาพต่ำ กันความร้อนน้อย และไม่มีเคลือบสารป้องกันรังสีอุลต้าไวโอเลท แต่ปัจจุบันนี้ ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดได้กำเนิดฟิล์มกรองแสงยุคใหม่ ซึ่งเป็นฟิล์มแห่งอนาคต เรียกกว่า “สปัทเตอร์ฟิล์ม” (Sputter-Coated Metallized films) ซึ่งสามารถนำเอาโลหะชนิดต่าง ๆ มาเคลือบเป็นเนื้อเดียวกับฟิล์ม ทำให้ฟิล์มมีความคงทนและกันความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม

ปัจจุบันฟิล์มเกือบทุกชนิดซึ่งเป็น “สปัทเตอร์” ฟิล์มได้รับการพัฒนา และผลิดขึ้นจากกรรมวิธีดังกล่าว ที่มีคุณสมบัติกันความร้อนสูงภายใต้สภาพสูญญากาศ ทำให้โลหะเกิดการแตกสภาพเป็นอะตอม ซึ่งเป็นอนุภาคเล็กที่สุด แล้วแยกตัวลอยไปจับบนแผ่นใส Polyester ทีละอะตอม ทำให้เกิดแผ่นฟิล์มโลหะบาง ๆ เคลือบอยู่บนผิวของแผ่น Polyester กลายเป็นฟิล์มกรองแสงในยุคปัจจุบัน แผ่นฟิล์มโลหะบาง ๆ นี้เองที่ทำหน้าที่ป้องกันความร้อนได้อย่างอัศจรรย์ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตเช่นนี้เราสามารถเลือกโลหะที่นำมาใช้เคลือบฟิล์มได้หลากหลายชนิดมาก ทำให้ได้เนื้อฟิล์มที่มีประสิทธิภาพในการลดคววามร้อนจากแสงแดดจริงได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังให้ความสวยงามมีความทนทาน และไม่เปลี่ยนสี

ในปัจจุบันฟิล์มหลายยี่ห้อ ปัองกันรังสีอุลตร้าไวโอเลตหรือ UV จากแสงอาทิตย์ได้เกือบ 100% ซึ่งมีคุณสมบัติปกป้องสิ่งของภายในรถของท่านไม่ให้ซีดจางหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด พร้อมทั้งลดอันตรายจากการเกิดมะเร็งผิวหนังและฝ้าบนใบหน้า

ฟิล์มกรองแสงในยุคปัจจุบันเคลือบด้วยสารเคลือบแข็งป้องกันรอยขูดขีด ทำให้มีความคงทนให้ความปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูงกว่าฟิล์มย้อมสีที่มีคุณภาพต่ำ

การออกแบบและพัฒนาโปรแกรมติดฟิล์มกรองแสง

61215_0_m_31_2013-02-03-12-10-58ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีต่างๆในปัจจุบันทำให้นาโนเทคโนโลยีเกิดการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เช่น ความสามารถในการสร้างเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถมอง วัด หรือสัมผัสวัตถุในระดับนาโนได้อย่างแม่นยำ และผสมผสานกับวิทยาการคอมพิวเตอร์ , เทคโนโลยีสารสนเทศ จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล และศึกษาคุณสมบัติของสสารได้อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น ทางด้านอาหาร เกษตรกรรม การแพทย์ เครื่องสำอาง พลังงาน เครื่องนุ่งห่ม การกีฬา การทหาร คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ สิ่งแวดล้อม การสื่อสารและโทรคมนาคม

การพัฒนาระบบการทำงานฟิล์มกรองแสงรูปแบบใหม่ที่มีความแตกต่างจากระบบเดิมที่ใช้อยู่ทั่วไปที่เป็นหัวใจ ได้แก่ ผู้บริโภคสามารถเลือกและพิสูจน์ตัวแผ่นฟิล์มกรองแสงได้ตามต้องการ ซึ่งการติดตั้งฟิล์มกรองแสงจะตัดแบบด้วยการใช้โปรแกรมที่มีความเฉพาะสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่นแทนการใช้มีดคัตเตอร์กรีดลงบนกระจกรถยนต์ ซึ่งอาจเกิดความเสียหายบนกระจกรถได้เมื่อเปรียบเทียบข้อดีของระบบการติดตั้งนี้นอกจากจะมีความสวยงามกว่าการใช้มือตัดอย่างชัดเจนแล้ว ระบบนี้ยังสามารถลดต้นทุนด้านวัตถุดิบลงได้กว่า 15% และลดเวลาในการติดตั้งลงได้เกือบ 1 ชั่วโมง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มีสิทธิ์เลือกใช้และพิสูจน์คุณภาพสินค้าเพื่อเลือกสรรสิ่งที่คิดว่าคุ้มราคาที่สุดโดยส่วนหนึ่งได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ ซึ่งปรากฏว่าสามารถลดความสูญเสียได้หลายอย่าง ทั้งในเรื่องสินค้า เวลา และต้นทุน และผลงานการติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่ออกมาก็เรียบร้อยสวยงามและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

เป็นโปรแกรมที่เพียบพร้อมในคุณสมบัติการบริหารจัดการที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย ภายใต้ความถูกต้องแม่นยำของรูปแบบกระจกรถยนต์แต่ละรุ่นที่มีอยู่ในโปรแกรม นอกจากระบบการติดฟิล์มแล้วยังเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานให้สะดวกสบาย และเป็นระบบฐานข้อมูลลูกค้า ระบบควบคุมสต็อกสินค้ารวมทั้งระบบจัดเก็บข้อมูลการทำงานตามลูกค้าโดยละเอียดอีกด้วย การออกแบบและพัฒนาระบบดังกล่าวจะเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้รถยนต์อย่างแน่นอน หากมองในเรื่องโอกาสและทางเลือกของผู้บริโภค การมีนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆผุดเข้ามาในวงการธุรกิจติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์จะทำให้ร้านค้าที่มีการให้บริการติดตั้งแบบระบบเก่าตื่นตัว ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เกิดการเปรียบเทียบแข่งขัน ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้บริการในรูปแบบใหม่ๆหรือเร่งคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือดีกว่า นับเป็นผลดีของการสร้างนวัตกรรมเพราะคนไทยก็จะได้ใช้สินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพมากยิ่งๆขึ้นในอนาคตต่อไป

การลดความร้อนของฟิล์มกรองแสงในปัจจุบัน

14

ความเข้าใจผิดที่แก้ไขยากสำหรับวงการฟิล์ม สืบเนื่องจากในยุคแรกๆ ฟิล์มมีไม่กี่ชนิดและมีไม่กี่ระดับความเข้มโดยมาตรฐานตอนนั้นจะมีเบอร์ที่เป็นมาตรฐานสากลคือ เบอร์ 5, 20, 50 ซึ่งตามมาตรฐานแล้วเบอร์ฟิล์มจะบ่งบอกถึงประมาณการณ์ของค่าแสงส่องผ่าน เช่น ฟิล์มรหัส xx 05 จะหมายถึงฟิล์มเบอร์นี้แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 5% คือฟิล์มมีความเข้ม 95% บ้านเราเห็นมันเข้มหรือทึบสุดเลยเรียกว่าฟิล์ม 80%, ฟิล์มเบอร์ xx 20 หมายถึงฟิล์มเบอร์นี้ แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 20% หรือฟิล์มเข้ม 80% บ้านเราเรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 60%, ฟิล์มเบอร์ xx 50 หมายถึงฟิล์มเบอร์นี้ แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 50% หรือฟิล์มเข้ม 50% บ้านเราเรียกฟิล์ม 40% นี่แหละครับความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น

การลดความร้อนของฟิล์มเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งถกเถียงกันไม่จบบ้างก็อยากให้วัดกับหลอดไฟซึ่งผู้บริโภคคงสับสนกันอยู่พอสมควรว่าจะทดสอบและตัดสินใจเลือกกันอย่างไรให้ถูกต้องกันแน่เราจะดูตารางเปรียบเทียบไอความร้อนที่เราได้รับดูกันก่อน ระหว่างแหล่งกำเนิดที่ต่างกัน คือ ระหว่างดวงอาทิตย์กับหลอดไฟ ดังนั้นการพิจารณาในการเลือกฟิล์มกรองแสงจากคุณสมบัติในการลดความร้อนนั้น สามารถใช้หลอดไฟในการเปรียบเทียบได้ คือให้รู้ว่าฟิล์มตัวไหนสามารถลดรังสีอินฟราเรดได้ดีกว่ากัน(ควรจะเทียบใน ระดับฟิล์มที่มีความเข้มระดับเดียวกันหรือใกล้เคียง) ก็จะได้รู้ว่าฟิล์มตัวไหนสามารถลดความร้อนได้ดีกว่า ย้ำนะครับว่าให้เทียบในระดับความเข้มเดียวกัน แต่ก็อย่าคาดหวังว่าจะลดความร้อนได้ดีอย่างที่เรารู้สึก เพราะดวงอาทิตย์มีส่วนประกอบของความร้อนอย่างอื่นประกอบด้วย ถ้าจะเอาค่าการลดความร้อนรวม ดังนั้นการเลือกฟิล์มก็ควรที่จะดูเรื่องโครงสร้างสินค้า-ราคาและการลดความ ร้อนรวมจากแสงแดดเป็นตัวประกอบด้วย จะได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

ฟิล์มอินฟราเรดเป็นฟิล์มชนิดที่เคลือบสารพิเศษในการไปตัดรังสีอินฟราเรดได้ดี ซึ่งรังสีอินฟราเรดเป็นส่วนประกอบหนึ่งของความร้อน (ดูการลดความร้อนของฟิล์มในช่วงต่อไป) แต่จากการโฆษณาทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อว่าสามารถลดความร้อนได้ดี โดยใช้ตัวเลขในการลดรังสีอินฟราเรดเป็นตัวโฆษณาและมีราคาที่สูงมาก ทำให้ตลาดไม่ค่อยตอบรับเท่าที่ควร แต่ในปัจจุบันมีสินค้าประเภทนี้ที่มีราคาถูกลงให้ได้เลือกกันมากขึ้น

การจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย

การจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย
การใช้พลังงานในอาคารและในรถยนต์นั้น จะมีสัดส่วนการใช้พลังงานของระบบต่างๆ แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของอาคารและเครื่องยนต์รถ โดยส่วนใหญ่ ค่าใช้จ่ายพลังงานจะถูกใช้ไปกับระบบปรับอากาศหรือการขับเคลื่อนความร้อนจากแสงอาทิตย์มีอิทธิพลต่อภาระทำความเย็นเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยหลักของการถ่ายเทพลังงานความร้อนจากภายนอกเข้าสู้ภายในนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้

  1. การนำความร้อนและการแผ่รังสี ผ่านผนังทึบ
  2. การแผ่รังสีความร้อน ผ่านผนังกระจก
  3. การนำความร้อน ผ่านผนังกระจก เนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิภายใน และภายนอก
  4. การพาความร้อน เนื่องจากการรั่วซึมของภายนอกเข้าไปภายใน

การจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย โดยเข้าใจว่าฟิล์มกรองแสงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้นจะมีไม่กี่เบอร์ คือ ประมาณ 3-4 เบอร์ เช่น เบอร์ 05 , 20 , 35 , 50 ซึ่งเบอร์นั้น ๆ ตามมาตรฐานสากล จะบ่งบอกถึงค่าที่แสงสามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงได้ เช่น

  1. เบอร์ 05 แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 5 % ฟิล์มจะเข้ม 95 %
  2. เบอร์ 20 แสงสามารถส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % เป็นต้น
  3. ซึ่งในยุคแรกๆ ทั้งผู้บริโภค และร้านค้ายังไม่ทราบรายละเอียดดังกล่าวจึงใช้การประมาณความเข้มของฟิล์มแทน เช่น
  • เบอร์ 05 แสงผ่านได้ 5 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 95 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 80 %
  • เบอร์ 20 แสงส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 60 %
  • เบอร์ 50 แสงส่องผ่านได้ 50 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 50 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่า 40 %

การเลือกชนิดของฟิล์มกรองแสงมีหลากหลายชนิด ขึ้นกับตลาดและความต้องการของผู้ใช้ ราคามีแตกต่างกันมาก ขึ้นกับคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ แต่ความสามารถพื้นฐานที่ต้องการกันทั่วไปในคุณภาพของฟิล์มที่มีคุณภาพดีอาจไม่แตกต่างกัน พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากจะมีรังสีต่างๆแล้ว ยังให้แสงสว่าง และมีความร้อนด้วยดังนั้นฟิล์มกรองแสงที่ดีต้องสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี แสง และความร้อน คือ ค่าการลดความร้อนจากแสงแดดนั้นเอง

การคิดค้นฟิล์มกรองแสงสำหรับที่อยู่อาศัยคุณภาพเยี่ยม

IMG (1)ปัญหาความร้อนภายในบ้านและอาคารเหล่านี้จะหมดไปเมื่อท่านติดฟิล์มกรองแสงพร้อมทั้งคุณสมบัติกันความร้อน กรองแสง ซึ่งจะทำให้อาคารและบ้านของคุณอุณหภูมิที่ลงลด ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้า กันความร้อนจากแสงแดด ลดอุณหภูมิภายในห้อง โดยการลดแสงแดดที่ส่องเข้ามา กรองแสงรังสี UV ช่วยอากาศภายในเย็นขึ้นเวลาที่เปิดเครื่องปรับอากาศช่วยให้เย็นเร็วยิ่งขึ้น เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนัก อีกทั้งเป็นการประหยัดการใช้ไฟฟ้า ทำให้ค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าลดลง ปัจจุบันมีฟิล์มหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามท้องตลาด ทั้งฟิล์มที่ให้ความเป็นส่วนตัวของคุณหรือฟิล์มที่ให้บรรยายกาศวิวภายนอกโดยที่ได้รับประโยชน์และคุณสมบัติตามมาตรฐานฟิล์มขั้นสูงสุด ที่สำคัญยังทำให้อาคาร บ้าน คอนโด ดูสวยงาม หรูหรา

เพราะความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ส่งผ่านเข้ามาในบ้านนั้นมีที่มาจากสองแหล่ง คือความร้อนที่มาพร้อมกับแสงสว่างที่มองเห็นได้ และความร้อนจากแสงอินฟราเรดที่ทำให้คุณรู้สึกร้อน มีส่วนช่วยในการป้องกันผู้อยู่อาศัยในบ้านที่ติดตั้งฟิล์มกรองแสง จากการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำพาความร้อนเข้ามาสู่บ้านหากสะสมเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดความร้อนสะสมในบางบริเวณและอาจส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ซีดจางลง ดังนั้นการติดตั้งฟิล์มกรองแสงจะช่วยลดความร้อน ลดปัญหาการซีดจางของเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งยังปกป้องผู้อยู่อาศัยให้ปลอดภัยจากรังสียูวีโดยยังคงมีแสงสว่างธรรมชาติควบคู่ไปกับบรรยากาศที่สบาย

ฟิล์มกรองแสงคุณภาพเยี่ยมที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถเลือกกรองรังสีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในบรรดาฟิล์มชนิดเดียวกัน ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีทำให้นักวิทยาศาสตร์ที่คิดประดิษฐ์ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณลักษณะพิเศษ คือปล่อยให้แสงผ่านเข้ามาได้ดี และป้องกันรังสีอินฟราเรด ในการเคลือบฟิล์มเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดที่หลากหลาย สามารถป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มที่ ให้ความเป็นส่วนตัวสูง โดยโปร่งใสพอที่แสงจะผ่านได้มาก ขณะที่ตัดแสงสะท้อนได้มากที่สุด เป็นวัสดุก่อสร้างอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนและส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนจริง เป็นเทคโนโลยีฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารที่มีประสิทธิภาพสูง และมีคุณสมบัติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

คำแนะนำในการเลือกฟิล์มกรองแสงให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

โดยจะพิจารณาจาก
1.คุณภาพ
ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพดีนั้น คุณสมบัติต่างๆ ของฟิล์มเช่น % การลดความร้อน,% การลดรังสี UV, % การสะท้อนแสงและ % แสงส่องผ่าน ต้องเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงานผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ และควรเป็นไปตามมาตรฐานของ AIMCAL (ASSOCIATION OF INDUSTRIAL METALLIZERS COATERS AND LAMINATORS), ASTM (AMERICAN SOCIETY FOR TESTING AND MATERIALS) และ ASHRAE มิใช่ค่าที่พิมพ์หรือโฆษณาโดยปราศจากหลักฐานอ้างอิง
2.มาตรฐานโรงงานผู้ผลิต
ต้องพิจารณาว่าเป็นฟิล์มกรองแสงที่มีแหล่งที่มาชัดเจน นำเข้ามาจากโรงงานที่ผ่านมาตรฐานที่สากล
ยอมรับ และมีที่ตั้งชัดเจน โดยปัจจุบันมีฟิล์มกรองแสงที่ผลิตจากโรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001 ซึ่งเป็นระบบควบคุมคุณภาพที่กำกับดูแลทั้งการออกแบบและการพัฒนา, การผลิต, การติดตั้งและการบริการ โดยโรงงานผู้ผลิตจะมอบสำเนาใบประกาศนียบัตร ที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 9001 ให้บริษัทตัวแทนในประเทศไทยที่นำเข้าและจัดจำหน่ายด้วย ผู้บริโภคสามารถเรียกตรวจสอบได้
3.ผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย
ต้องเป็นบริษัทที่มีความตั้งใจ จริงใจ และประสบการณ์ในการทำธุรกิจฟิล์มกรองแสงอย่างต่อเนื่อง
ยาวนาน เชื่อถือได้ และไม่มีการโฆษณาหลอกหลวง หรือเปลี่ยนยี่ห้อไปเรี่อยๆ มีมาตรฐานการรับประกันคุณภาพที่เชื่อถือได้ โดยทั่วไปการรับประกันคุณภาพจะไม่ต่ำกว่า 7 ปี และสิ้นสุดเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถ ดังนั้นผู้บริโภคจึงต้องเลือกบริษัทตัวแทนจำหน่ายที่ท่านมั่นใจว่าตลอดระยะเวลารับประกัน บริษัทฯจะยังคงดำเนินธุรกิจฟิล์มกรองแสงอยู่และพร้อมที่จะรับผิดชอบหากฟิล์มที่ติดตั้งไปเกิดปัญหาใดๆ ขึ้น ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ควรเป็นผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทางการจากโรงงานผู้ผลิตให้เป็นตัวแทนในประเทศไทย โดยตรวจสอบได้จากหนังสือแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายฯ
4.ราคา
ราคาต้องสมเหตุสมผล เหมาะสมกับคุณภาพในระดับที่ยอมรับได้ โดยฟิล์มเคลือบโลหะทั้งชนิด Sputtered และ Thermal จะมีราคาสูงกว่าฟิล์มเคลือบสีประมาณ 1-2 เท่าตัว
5.โฆษณา
ผู้บริโภคควรพิจารณาโฆษณาของฟิล์มกรองแสงต่างๆ ให้ดีก่อนเลือกติดตั้งต้องเป็นโฆษณาที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่มีการโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง % การลดความร้อนและคุณสมบัติต่างๆ ของฟิล์มกรองแสง ซึ่ง % การลดความร้อนที่ถูกต้องนั้นต้องเป็น % การลดความร้อนจากแสงแดดนอกจากนี้ยังควรพิจารณาถึงวิธีการทดสอบคุณภาพของฟิล์มกรองแสงด้วยว่าเชื่อถือได้หรือไม่ เช่น ไม่ควรทดสอบฟิล์มด้วยแสงสปอตไลท์หรือหลอดรังสีอินฟาเรด ไม่ว่าจะโดยการให้ผู้บริโภคใช้มืออัง หรือยืนท่ามกลางแสงไฟ ทั้งนี้เพราะเวลาที่ขับรถจริงๆ นั้น เราขับรถภายใต้แสงแดด มิใช่แสงสปอตไลท์หรืออินฟราเรดแต่เพียงชนิดเดียว ซึ่งแหล่งกำเนิดแสงทั้งสามชนิดนี้แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง และบางครั้งยังมีกรณีที่ว่าฟิล์มที่นำมาติดตั้งนั้นเป็นคนละชนิดกัน หรือใช้ฟิล์มติดตั้งซ้อนทับกันสองชั้นในการทดสอบ จุดนี้ผู้บริโภคต้องพึงระมัดระวังและพิจารณาให้รอบคอบ

การติดฟิล์มประหยัดพลังงานยังสามารถป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตได้

การติดฟิล์มประหยัดพลังงานสำหรับอาคารนั้นไม่เพียงแค่ช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังสามารถป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตหรือรังสียูวีได้กว่า 99% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก ชะลอการซีดจางของอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในอาคาร ที่พักอาศัย สร้างความสวยงามภายนอกและไม่บดบังทัศนวิสัยในการมองจากภายใน สร้างความเป็นส่วนตัว ลดแสงจ้าจากภายนอก ทำให้รู้สึกสบายสายตา รักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการเกิดภาวะเรือนกระจก พร้อมกับเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ขณะเดียวกันด้วยความหลากหลายของสินค้าที่เหมาะกับอาคารบ้านเรือนก็มีให้เลือกทั้งแบบติดกับกระจกทั่วไปที่มีทั้งฟิล์มนิรภัย ฟิล์มตกแต่งลวดลาย ฟิล์มติดฉากกั้น ฟิล์มใสป้องกันรอยสำหรับเฟอร์นิเจอร์ ม่านประหยัดพลังงาน ซึ่งมีข้อดีคือ ในยามค่ำคืนสามารถดึงม่านประหยัดพลังงานขึ้น ทำให้มองเห็นบริเวณนอกอาคารชัดเจน ขณะที่เวลากลางวันเมื่อดึงม่านลงมาจะช่วยลดแสงและกันความร้อนเข้าสู่อาคารทำให้อากาศเย็นสบาย สามารถประหยัดพลังงาน ลดปัญหาฝุ่นละออง ซึ่งเป็นสาเหตุสะสมของแหล่งเชื้อโรค อีกทั้งยังรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม่ให้ซีดจางด้วย

ส่วนตลาดรถยนต์ก็มีฟิล์มประหยัดพลังงานรุ่น นาโนเซรามิก ฟิล์มประหยัดพลังงานที่กันความร้อนสูง กันสะท้อน ไม่รบกวนสัญญาณ GPS ฟิล์มกันรอยมือจับประตู (Maxxma Clear Guard) สามารถปกป้องผิวรถยนต์ได้ 100% จากรอยขีดข่วนบริเวณมือจับที่เปิดประตู ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้จากรอยเล็บมือ แหวน กุญแจรถหรือการขูดขีดจากของมีคม ฟิล์มนิรภัย (Maxxma Safety Film) ฟิล์มนิรภัย เพิ่มความปลอดภัยในรถยนต์ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ฟิล์มนิรภัยจะช่วยยึดเกาะเศษกระจกไม่ให้กระจาย

ฟิล์มประหยัดพลังงาน ฟิล์มที่มีดีมากกว่าแค่กันร้อน โดยประโยชน์ของการติดตั้งฟิล์มประหยัดพลังงานนั้น นอกจากจะช่วยป้องกันความร้อนที่เข้ามาภายในรถแล้ว ยังลดอุณหภูมิภายในรถมากกว่า 60% สามารถยืดอายุของชิ้นส่วนภายใน เช่น แผงหน้าปัด, คอนโซน, พวงมาลัย ฯลฯ ซีดจางและแตกร้าวเร็ว คอมเพรสเซอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ มีผลทำให้เครื่องยนต์ทำงาน เบาลง ช่วยประหยัดน้ำมันด้วย ฟิล์มประหยัดพลังงานที่มีความมืดทึบนั้น ยังสามารถช่วยปกป้องทรัพย์สินภายในรถได้ สร้างความเป็นส่วนตัว ไม่ให้คนภายนอกสามารถมองเข้าไปภายในรถได้ ปกป้องอันตรายจากพวกมิจฉาชีพ เป็นสิ่งที่ดีมาก โดยเฉพาะสำหรับสุภาพสตรี

นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ สามารถลดแสงจ้าจากดวงอาทิตย์ ลดแสงไฟในเวลากลางคืนจากรถที่วิ่งสวนทาง สาเหตุที่ทำให้ดวงตาเกิดความเครียด เมื่อยล้า สายตาเสีย ป้องกันผิวหนังและดวงตา เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีขึ้นโดยการติดฟิล์มประหยัดพลังงานนั้น สามารถลดรังสีอัลตร้าไวโอเลตหรือยูวีได้กว่า 99% ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดฝ้า ตกกระ มะเร็งผิวหนังและต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม

ฟิล์มประหยัดพลังงานยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ โดยการป้องกันความร้อนที่เข้ามาในตัวรถและอาคาร ทำให้ระบบปรับความเย็น ทำงานน้อยลงจึงเป็นการช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงค่าดูแลรักษาระบบปรับความเย็นอีกด้วย

สิ่งที่สำคัญของฟิล์มประหยัดพลังงาน ไม่เพียงต้องการแค่ยอดขาย แต่มีจุดมุ่งหมายทำให้แบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับและมีคุณภาพ พร้อมทั้งมุ่งมั่นในการช่วยประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย

การติดตั้งฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารและที่พักอาศัย

จากภาวะโลกร้อน (Global Warming) ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสงสำหรับติดอาคารและที่พักอาศัยเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ฟิล์มลดความร้อนหรือฟล์มกรองแสงสำหรับติดตั้งอาคารจึงถูกพัฒนาให้สามารถลดใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองผู้ประกอบการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาคารสำนักงาน โรงแรม รีสอร์ท สนามกอล์ฟและสปา โรงพยาบาล อพาร์ทเมนท์ คอนโดมิเนียม บ้านพักอาศัย ที่ต้องการประหยัดพลังงาน

ฟิล์มสำหรับติดอาคารและที่พักอาศัยตามคุณลักษณะในการใช้งานแล้ว การติดตั้งฟิล์มสำหรับอาคารและที่พักอาศัย จะแยกเป็น 3 ลักษณะดังนี้

1.การป้องกันภัยจากเศษกระจกโดยใช้ฟิล์มนิรภัย (Safety Films) คือ ฟิล์มในอาคารสูงจะช่วยยึดกระจกไม่ให้หลุดร่วงลงมาทำอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินในอาคารหรือที่พักอาศัย นอกจากนี้การติดฟิล์มนิรภัยยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับ คือ ในฟิล์มนิรภัยบางรุ่นมีการเคลือบสารต่างๆ ที่ช่วยในการลดความร้อนจากแสงแดดด้วย บางรุ่นสามารถติดตั้งแทนเหล็กดัด เพื่อป้องกันการโจรกรรมและเพื่อความสวยงามได้ (ความหนาที่แนะนำตั้งแต่ 8 Mil ขึ้นไป) ที่สำคัญคือสามารถลดรังสีอุลตร้าไวโอเลตหรือรังสียูวีได้กว่า 99% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก พร้อมกันนี้ยังชะลอการซีดจางของอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในอาคาร ที่พักอาศัย และในระดับที่มีความหนาของเนื้อฟิล์มมากๆ จะสามารถใช้ป้องกันภัยจากกระสุนปืนหรือระเบิดรวมถึงการป้องกันการโจรกรรมได้

2.การป้องกันความร้อน ประหยัดพลังงาน (Building Films) คือ การติดฟิล์มเพื่อลดความร้อนจากภายนอก เป็นการประหยัดพลังงานโดยตรง และมีประโยชน์อื่นๆ ที่ได้รับคือ ฟิล์มสามารถลดรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตหรือรังสียูวีได้กว่า 99% เช่นกันกับฟิล์มนิรภัย ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจก-ชะลอการซีดจางของอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในอาคาร, ที่พักอาศัย-สร้างความสวยงามภายนอกและไม่บดบังทัศนวิสัยในการมองจากภายใน สร้างความเป็นส่วนตัว-ลดแสงจ้าจากภายนอก ทำให้รู้สึกสบายสายตา

3.การติดฟิล์มเพื่อการตกแต่ง (Decorative Film) ฟิล์มสามารถติดตั้งเป็นลวดลายต่างๆ เพื่อความสวยงามรวมถึงประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น การลดรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต หรือการสร้างความเป็นส่วนตัว

ฟิล์มกรองแสงที่ดีไม่ใช่ฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าได้เพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีความสามารถในการสะท้อนแสงอาทิตย์นั้น

4

เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ร้อยทั้งร้อยเมื่อมีรถใหม่สิ่งแรกที่เจ้าของต้องติดตั้งเพิ่มเติมคือฟิลม์กันความร้อน ทั้งนี้ประโยชน์ของฟิลม์คือนั้นมีมากมายแต่จะให้ประหยัดและคุ้มค่า ควรมีความเข้าใจพื้นฐานและของระบบการทำงานของฟิล์มกรองแสง เพื่อนำไปตัดสินใจได้ว่าจะเลือกอย่างไรจึงสมเหตุสมผล ปัจจุบันนี้ไม่มีกฎหมายควบคุมความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีทั้งผลดีและร้าย แง่ดีเราได้อิสระในการเลือกใช้ แต่ในแง่ร้ายมีคนที่ใช้ประโยชน์จากการความเข้มของฟิลม์ก่ออาชญากรรมโดยรถยนต์ ทั้งนี้พบว่าส่วนใหญ่คนซื้อยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสง โดยเฉพาะเข้าใจว่าฟิล์มที่มีสีเข้มหรือทึบช่วยลดความร้อนได้ดี ในความจริงแล้วสีของฟิล์มไม่ได้เป็นตัวช่วยลดความร้อน แต่กลับเป็นสารเคลือบตัวอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ลดความร้อน

การพิจารณา การเลือกฟิล์มกรองแสง มีข้อสังเกตและควรพิจารณาดังนี้ ฟิล์มกรองแสงที่ดีไม่ใช่ฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าได้เพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีความสามารถในการสะท้อนแสงอาทิตย์นั้นก็หมายความว่าฟิล์มเข้มไม่ได้แปลว่าลดความร้อนได้สูง ซึ่งการเลือกฟิล์มกรองแสงที่ดีควรดูจาก เปอร์เซ็นต์การลดความร้อน, เปอร์เซ็นต์การลดรังสียูวี, เปอร์เซ็นต์การสะท้อนแสง และ เปอร์เซ็นต์แสงส่องผ่าน การรับประกันคุณภาพเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่ในการตัดสินใจ โดยทั่วไปแล้วฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์จะมีการรับประกันคุณภาพไม่ต่ำกว่า 5 ปี บางราย 7 หรือ 10 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการรับประกันด้วย

เรื่องนี้ส่วนสำคัญที่จะให้คุณได้รับฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีและงานที่เรียบร้อยไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง โดยหาร้านจากผู้ที่เคยใช้บริการมาก่อนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดโดยเฉพาะเว็บไซต์ตามคลับรถในรุ่นที่ท่านใช้และเลือกเอาแหล่งที่คุณสะดวก หรือถ้าไม่สามารถหาได้จริง ๆ ของให้พิจารณาตามหลักดังนี้ ร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายและติดตั้งจากฟิล์มยี่ห้อนั้น ๆ โดยตรง มีสถานที่สำหรับติดฟิล์มรถยนต์โดยเฉพาะ เพราะการติดฟิล์มนั้นต้องใช้พื้นที่สะอาดและไม่มีฝุ่น มีประกันจากทางร้านเอง ที่รับผิดชอบแก้ไขในปัญหาทันทีเมื่อเกิดข้อผิดพลาด

ติดฟิล์มกรองแสงในที่พักอาศัยเป็นอีกวิธีหนึ่งในการประหยัดพลังงาน

ฟิล์มกรองแสง มีลักษณะเป็นชั้นใสๆ ซ้อนกัน หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปคือแผ่น โพลีเอสเตอร์นั่นเอง ซึ่งแต่ละแบรนด์จะใช้เทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ราคามีความแตกต่างกัน การทำงานหลักๆของฟิล์มกรองแสง คือ การลดความร้อน และช่วยป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง และก่อให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งฟิล์มที่มีลักษณะเข้มจะกรองแสงได้ดีกว่าฟิล์มที่มีสีอ่อน ทำให้ลดการสะท้อนความร้อนได้มาก

ภายในอาคารที่พักอาศัยหรือสำนักงาน ควรติดฟิล์มกรองแสง เนื่องจากอาคารที่เพิ่งสร้างใหม่หรือพบเห็นได้ทั่วไปส่วนมากเป็นกระจก เพราะกระจกทำให้ตัวอาคารมีน้ำหนักเบา มีความทันสมัย สวยงามทั้งภายในและภายนอก แต่ทำให้เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดย่อมทำให้เกิดความร้อนเข้ามาสู่ภายในอาคาร ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นตามไปด้วย

นอกจากติดฟิล์มกรองแสงแล้วยังมีวิธีที่สามารถลดแสงจากภายนอกอีก เช่น การเลือกกระจก หรืออุปกรณ์ตกแต่ง ยกตัวอย่างเบื้องต้นมีดังนี้

  1. ใช้กระจกใส แล้วใช้ผ่านม่านหรือมู่ลี่ปิดทับเพื่อลดแสงแดด แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้ยังไม่ช่วยลดความร้อนที่กระจายเข้าสู่ตัวอาคารได้
  2. ใช้เป็นกระจกสี หาตู้หรือชั้นวางของมาบดบังไว้เพื่อลดแสงแดด แต่ความร้อนยังเข้ามาในอาคารเท่าเดิม
  3. ใช้กระจกสีเข้ม สามารถลดความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ตามความเข้มของสีกระจก แต่ถ้ายิ่งเข้มมาก ก็จะส่งผลให้ภายในตัวอาคารมืดไปด้วย
  4. ใช้กระจกติดฟิล์มกรองแสง ติดฟิล์มกรองแสง ซึ่งสามารถลดและสะท้อนความร้อนออกจากตัวอาคารได้ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดความร้อนโดยรวมได้มากถึง 90% จากความร้อนที่จะเข้ามาภายในตัวอาคาร

ฟิล์มกรองแสงภายในอาคารนอกจากจะป้องกันแสงแดดและประหยัดพลังงานแล้วยังช่วยในด้านการตกแต่งได้อีกด้วย ดังนี้

  1. ทำให้อาคารหรือที่พักอาศัยมีความโดดเด่นทั้งภายในและภายนอก
  2. ช่วยทำให้มีความเป็นส่วนตัวสามารถมองออกไปข้างนอกได้ แต่ผู้ที่อยู่ข้างนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้
  3. เพิ่มความปลอดภัย ซึ่งจะอยู่ในหมวดของฟิล์มนิรภัย
  4. ใช้สำหรับตกแต่งภายใน ซึ่งจะอยู่ในหมวดของฟิล์มฝ้าและสติกเกอร์ฝ้า

นวัตกรรมฟิล์มกรองแสงแห่งยุค สุดยอดผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์การประหยัดพลังงาน

จากต้นแบบความคิดของนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่น จนตกผลึกเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนและรังสียูวีจากแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถลดอุณหภูมิในห้องปรับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยปัจจัยทางการตลาดจึงส่งผลให้สารเคมีดังกล่าว ได้รับการพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในสาธรณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นเจ้าของแหล่งแร่วัตถุดิบองค์ประกอบสำคัญในการผลิตสารเคมีดังกล่าว และได้มีโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ่านกระบวนการต่าง ๆ จนกลายเป็นผู้ส่งออกสารเคมีที่ใช้ในกลุ่มธุรกิจฟิล์มกรองแสง และกลุ่มเทคโนโลยีสารเคลือบกระจกกันความร้อน รายใหญ่ที่สุดในโลก

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ มีองค์ประกอบของรังสี UVA, UVB และความร้อน ที่ส่งผลต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรังสีดังกล่าวหากสะสมในร่างกายในปริมาณมาก ๆ ย่อมเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง และเป็นหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำลายพื้นผิวของวัสดุ หรือเฟอร์นิเจอร์ ส่งผลให้สิ่งของต่างๆ เสื่อมสภาพและมีอายุการใช้งานได้น้อยลง ส่วนความร้อนมีผลทำให้ต้องใช้เครื่องปรับอากาศอย่างหนัก ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานสูง

นวัตกรรมล่าสุดของสารเคลือบกระจกเพื่อกันความร้อน ที่เป็นนาโนเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ในการลดความร้อนได้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติของสารเคมีที่มีแอลกอฮอล์เป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้สามารถเคลือบยึดติดกับพื้นผิวของกระจกได้เป็นเนื้อเดียว มีความโปร่งแสงซึ่งไม่ทำให้เสียทัศนีย์ภาพอันสวยงามที่มองผ่านกระจก และสามารถป้องกันรังสี UVA, UVB ตลอดจนป้องกันความร้อนได้สูงสุดถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์

นอกจากคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าสารเคลือบกระจกกันความร้อนหรือฟิล์มกรองแสงที่มีขายอยู่ในท้องตลาดทั่วไปแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมหรือที่เรียกว่า ECO – PRODUCT ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศได้ดีที่สุด โดยสามารถลดความเย็นของห้องปรับอากาศลงได้ 2 – 4 องศาเซลเซียส ซึ่งจะประหยัดค่าไฟได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้ยังมีอายุการใช้งานได้มากกว่า 10 ปี หรือยืนยาวกว่าฟิล์มกรองแสงทั่วไปที่มีอายุการใช้งานเพียง 5 ปี เรียกได้ว่าลงทุนครั้งเดียว…คุ้มค่า คุ้มราคา