การจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย

การจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย
การใช้พลังงานในอาคารและในรถยนต์นั้น จะมีสัดส่วนการใช้พลังงานของระบบต่างๆ แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของอาคารและเครื่องยนต์รถ โดยส่วนใหญ่ ค่าใช้จ่ายพลังงานจะถูกใช้ไปกับระบบปรับอากาศหรือการขับเคลื่อนความร้อนจากแสงอาทิตย์มีอิทธิพลต่อภาระทำความเย็นเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยหลักของการถ่ายเทพลังงานความร้อนจากภายนอกเข้าสู้ภายในนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้

  1. การนำความร้อนและการแผ่รังสี ผ่านผนังทึบ
  2. การแผ่รังสีความร้อน ผ่านผนังกระจก
  3. การนำความร้อน ผ่านผนังกระจก เนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิภายใน และภายนอก
  4. การพาความร้อน เนื่องจากการรั่วซึมของภายนอกเข้าไปภายใน

การจำหน่ายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทย โดยเข้าใจว่าฟิล์มกรองแสงที่นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้นจะมีไม่กี่เบอร์ คือ ประมาณ 3-4 เบอร์ เช่น เบอร์ 05 , 20 , 35 , 50 ซึ่งเบอร์นั้น ๆ ตามมาตรฐานสากล จะบ่งบอกถึงค่าที่แสงสามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงได้ เช่น

  1. เบอร์ 05 แสงสามารถส่องผ่านได้ประมาณ 5 % ฟิล์มจะเข้ม 95 %
  2. เบอร์ 20 แสงสามารถส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % เป็นต้น
  3. ซึ่งในยุคแรกๆ ทั้งผู้บริโภค และร้านค้ายังไม่ทราบรายละเอียดดังกล่าวจึงใช้การประมาณความเข้มของฟิล์มแทน เช่น
  • เบอร์ 05 แสงผ่านได้ 5 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 95 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 80 %
  • เบอร์ 20 แสงส่องผ่านได้ 20 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 80 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่าฟิล์ม 60 %
  • เบอร์ 50 แสงส่องผ่านได้ 50 % ฟิล์มจะมีความเข้ม 50 % แต่เรียกฟิล์มเบอร์นี้ว่า 40 %

การเลือกชนิดของฟิล์มกรองแสงมีหลากหลายชนิด ขึ้นกับตลาดและความต้องการของผู้ใช้ ราคามีแตกต่างกันมาก ขึ้นกับคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ แต่ความสามารถพื้นฐานที่ต้องการกันทั่วไปในคุณภาพของฟิล์มที่มีคุณภาพดีอาจไม่แตกต่างกัน พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากจะมีรังสีต่างๆแล้ว ยังให้แสงสว่าง และมีความร้อนด้วยดังนั้นฟิล์มกรองแสงที่ดีต้องสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี แสง และความร้อน คือ ค่าการลดความร้อนจากแสงแดดนั้นเอง